กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 06 มิถุนายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,296.07-1,299.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,690 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,660 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.26 น. ของวันที่ 06/06/61)
แนวโน้มวันที่ 07 มิถุนายน 2561
การประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) สัปดาห์หน้าในวันที่ 14 มิ.ย. กำลังถูกจับตา หลังจากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ECB อาจจะสรุปการกำหนดนโยบายครั้งหน้าในเดือนนี้ ด้วยการประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับการยุติแผนการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากสถานการณ์การเมืองอิตาลี ประเด็นดังกล่าว กระตุ้นแรงซื้อสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่อ่อนลง จนหนุนให้ราคาทองคำขยับขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนติดตามท่าทีของผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือก่อนการพบกันวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ซึ่งสามารถสร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและราคาทองคำได้ นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G7 จะเปิดฉากขึ้นที่เมืองควิเบค ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 8-9 มิ.ย. ทั้งนี้กลุ่มประเทศ G7 ได้แก่ สหรัฐ, แคนาดา, ญี่ปุ่น, อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และอิตาลี การหารือกันใน ประเด็นสงครามการค้าถูกจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะที่สหภาพยุโรป(EU)และแคนาดาได้ขู่ใช้มาตรการตอบโต้ หากสหรัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ EU ระบุว่า อียูไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเรื่องสหรัฐเก็บภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมต่ออียูและแคนาดาในการประชุมผู้นำ G7 สัปดาห์นี้ ขณะที่คณะทำงานของทรัมป์ไม่ได้แสดงท่าทีที่จะอ่อนข้อเรื่องการจัดเก็บภาษีแต่อย่างใด ส่งผลให้การประชุมที่ทรัมป์จะเข้าร่วมด้วยนี้มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ควรพิจารณาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทประกอบการลงทุน เพราะช่วงต้นสัปดาห์นี้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง โดยค่าเงินบาทบาทปรับแข็งค่าขึ้นราว 2.2% ในปีนี้ หลังการพุ่งขึ้นกว่า 9.5% ในปี 2560 ซึ่งกดดันราคาทองคำในประเทศ แนะนำจับตาแรงขายทำกำไรที่สลับออกมาเพราะหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันให้เข้าใกล้ 1,282-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายืนเหนือแนวรับได้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจาการดีดตัว
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำอาจมีการเคลื่อนอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง โดยความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,282-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้นทดสอบแนวต้าน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากราคายืนเหนือแนวต้านได้อย่างมั่นคง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,280 (19,300บาท) 1,271 (19,150บาท) 1,263 (19,000บาท)
แนวต้าน 1,300 (19,600บาท) 1,307 (19,700บาท) 1,315 (19,850บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,280 (19,420บาท) 1,271 (19,290บาท) 1,263 (19,170บาท)
แนวต้าน 1,300 (19,730บาท) 1,307 (19,840บาท) 1,315 (19,960บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999