กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--EXIM BANK
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การส่งออกในปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากมูลค่าส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัวถึง 11.5% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ EXIM BANK จึงได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของภาคการส่งออกไทยทั้งปี 2561 จากเดิม EXIM BANK คาดการณ์ไว้ที่ 5-8% เป็น 7-9% โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้ 1. การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกขยายตัวในระดับสูง โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดว่าเศรษฐกิจโลกปี 2561 จะขยายตัว 3.9% สูงสุดในรอบ 7 ปี พร้อมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าการค้าโลกจากเดิมที่ขยายตัว 4.6% เป็น 5.1% 2. ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยคาดการณ์ ทำให้สำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐฯ (U.S. Energy Information Administration : EIA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันปี 2561 จาก 63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากอุปสงค์น้ำมันที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติกซึ่งมีสัดส่วนรวมกันราว 15% ของมูลค่าส่งออกรวมขยายตัวในระดับสูงตาม 3. ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญและมีการลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้น
นายพิศิษฐ์ เปิดเผยต่อไปว่า การส่งออกของไทยไปยังแต่ละตลาดในปี 2561 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้มากกว่าที่เคยดคาดการณ์ในทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียนเดิม ที่คาดว่าจะขยายตัวได้สูงกว่า 9% เช่นเดียวกับตลาดใหม่ อย่าง CLMV และตลาด New Frontiers อื่นๆ ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์เป็น 8.5% และ 6.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 6.7% และ 5.0% ตามลำดับ สำหรับมูลค่าส่งออกจำแนกรายสินค้า EXIM BANK ปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าส่งออกปี 2561 ใน 3 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน ขยายตัวเพิ่มเป็น 17.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 11.2% รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ปรับเพิ่มเป็น 8.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 7.8% และสินค้าเกษตร ปรับเพิ่มเป็น 6.6% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.0% อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตามองปัจจัยบั่นทอนบางประการที่อาจกระทบต่อการส่งออกและทำให้มูลค่าส่งออกในช่วงที่เหลือของปีน้อยกว่าที่คาด ได้แก่ ค่าเงินที่มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าและความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จากทิศทางการส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ แสดงให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่ง EXIM BANK พร้อมสนับสนุนทั้งด้านข้อมูลข่าวสารและบริการทางการเงินอย่างครบวงจร โดยความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ไม่จำกัดเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มส่งออกได้เพิ่มขึ้น แต่รวมถึงอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพแต่ยังมีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่น้อย อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศได้มากถึงปีละ 1 ล้านล้านบาท ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศเป็นอย่างมากเพราะใช้วัตถุดิบในประเทศมากถึง 80% อีกทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคนจำนวนมากตลอดห่วงโซ่การผลิตจึงสามารถกระจายรายได้ให้กับคนในประเทศเป็นวงกว้าง ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในภาคการผลิตราว 1 ล้านคนแล้ว อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับประชากรที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มสินค้าเกษตรกว่า 30 ล้านคน แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารมีผลผลิตใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศถึง 70% และส่งออกเพียง 30% โดยไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่เพียง 2.3% จึงยังมีโอกาสอีกมากที่จะขยายการส่งออกเพิ่มมากขึ้น
"วันนี้ทิศทางเศรษฐกิจโลกเอื้ออำนวยให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากมาย แต่ขณะเดียวกันการแข่งขันก็ทวีความรุนแรงขึ้น EXIM BANK จึงพร้อมจับมือกับภาครัฐและเอกชนสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายส่วนแบ่งในตลาดโลกได้มากขึ้น ทั้งในตลาดการค้าเดิมและตลาดใหม่ โดยใช้ศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและประเทศไทยเป็นจุดแข็งที่จะสร้างความเข้มแข็งของภาคการผลิตและการค้าระหว่างประเทศตลอดห่วงโซ่อุปทาน" นายพิศิษฐ์กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนสื่อสารองค์กร ฝ่ายเลขานุการและสื่อสารองค์กร EXIM BANK สำนักงานใหญ่
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1141, 1144