กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--มรภ.สงขลา
มรภ.สงขลา สัมมนาสร้างเครือข่ายการจัดการความรู้นักตรวจสอบภายในทั่วประเทศ ระดมสมองแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน เติมเต็มทักษะศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง อธิการบดีฯ ยกการตรวจสอบภายในเป็นกลไกสำคัญของผู้บริหาร ช่วยกำกับดูแลองค์กร
ผศ.ดร.นิวัต กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการเครือข่ายการจัดการความรู้นักตรวจสอบภายในระหว่างมหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 7-8 มิ.ย. 61 ณ โรงแรมนิว ซีซัน สแวร์ หาดใหญ่ ว่า การตรวจสอบภายในเป็นเครื่องมือหรือกลไกที่สำคัญของผู้บริหารในการกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กร ผู้ตรวจสอบภายในจึงต้องมีการพัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดทักษะและสามารถปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบภายในอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เนื่องจากปัจจุบันการทำงานต้องอาศัยความรู้และข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ เพื่อให้หน่วยงานสามารถใช้ความรู้และข้อมูลในการตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว ครบถ้วน ถูกต้อง และมีความเป็นมืออาชีพที่เชื่อถือได้ ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการทำงานของเครือข่ายที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน มรภ.สงขลา จึงเทียบเชิญนักตรวจสอบภายในหรือผู้ปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบภายในจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 70 คน มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานร่วมกัน
นางวริษฐา ตันติพงศ์ หัวหน้าหน่วยตรวจสอบภายในประจำ มรภ.สงขลา ผู้เสนอโครงการ กล่าวว่า ในกระบวนการทำงานของเครือข่ายสิ่งที่ได้รับนอกจากผลสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว ความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หน่วยตรวจสอบภายในจึงจัดโครงการในครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ตรวจสอบภายในได้รับการพัฒนาทักษะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบของแต่ละสถาบัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในแง่มุมต่างๆ และสร้างสัมพันธไมตรีอันดีต่อกันระหว่างผู้ตรวจสอบภายใน ทั้งยังเป็นโอกาสในการเข้ารับความรู้เพิ่มเติมในหัวข้อ มาตรการป้องกันการทุจริตในสถาบันอุดมศึกษา จาก ผศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงวิเศษ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำ จ.สงขลา (ป.ป.จ.) แนวทางการตรวจสอบงบการเงินและแนวทางการตรวจสอบด้านอื่นที่เชื่อมโยงไปสู่คณะและส่วนงาน จาก นางอารีย์ เภรีก้องเกียรติ นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินชำนาญการพิเศษ การเขียนรายงานผลการตรวจสอบ จาก ดร.เจษฎา ช.เจริญยิ่งกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ด้าน ผศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงวิเศษ ประธานกรรมการ ป.ป.จ.สงขลา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสว่า "ภายใน 10 ปีเมืองไทยน่าจะเจริญ ข้อสำคัญคือ ต้องหยุดการทุจริตให้สำเร็จ และไม่ทุจริตเสียเอง" ทุจริตในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินทองอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงการละเลยทางราชการด้วย ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดจากการบริหารจัดการของภาครัฐ ที่ระบบราชการขาดความโปรงใส ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารราชการ การกำกับดูแลที่เป็นกลางหรือไม่มีอิสระเต็มที่ ขาดมุมมองของการใช้อำนาจที่ถูกต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หรือการใช้กฎหมายในมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง หรือการใช้ช่องวางของกฎหมาย เป็นช่องทางการแสวงหาโอกาสสำหรับตนเองและพวกพ้อง การที่จะแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นได้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยสร้างกรอบความคิดรวบยอด ปฏิรูปค่านิยม สังคมต้องเข้มแข็ง โดยให้มีกลไกในการสร้างค่านิยมที่ถึงประสงค์จากกลไกผู้นำและนโยบายแห่งรัฐ กลไกการหล่อหลอมทางสังคม และ กลไกการสนับสนุน
ผศ.ดร.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพ จะต้องมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1. ผู้ตรวจสอบภายในต้องมีอิสระ สามารถรายงานข้อเท็จจริงให้กับผู้บริหารทราบตามความเป็นจริง 2. ผู้ตรวจสอบภายในต้องตรวจสอบในเชิงรุก นอกเหนือจากการตรวจสอบตามแผนการตรวจประจำปี 3. ผู้ตรวจสอบภายในควรจะต้องมีการทำข้อมูลแวดล้อมมาประกอบการตรวจสอบทางบัญชีด้วย 4. ผู้ตรวจสอบภายในนอกเหนือจากมีความรู้ด้านบัญชีแล้ว ควรมีความรู้ด้านกฎหมายด้วย หรือปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับนักกฎหมาย 5. มีการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาช่วยในการตรวจสอบ และ 6. มีการนำหลักเกณฑ์ในเรื่องการบริหารความเสี่ยงมาใช้ประกอบการตรวจสอบด้วย