รมว.พาณิชย์ รับพร้อมช่วยสนับสนุน AFET มุ่งให้เป็นตลาดที่สำคัญของโลก

ข่าวทั่วไป Friday May 6, 2005 17:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 พ.ค.--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
รมว.พาณิชย์ พร้อมหนุนตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยหรือ AFET เต็มที่ ชี้เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรในระยะยาว รับทางการจะเข้ามาใช้กลไกตลาดก่อน ปรับนโยบายการแทรกแซงราคาให้เชื่อมโยงกับความคืบหน้าของกลไกตลาดล่วงหน้า หวังประเทศไทยเป็นผู้นำในการกำหนดราคาสินค้าเกษตรในเวทีโลกโดยเฉพาะสินค้าข้าว ด้านดร.สุวรรณ ประธานบอร์ด AFET พอใจผลการดำเนินงานเกือบรอบปีที่ผ่านมา เน้นเชื่อมโยงกับตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ ให้เข้ามาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าไทย
ดร.ทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า กล่าวว่าปัจจุบันการซื้อขายในตลาดปกติจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการประกันความเสี่ยงหรือกลไกด้านราคา แต่เมื่อมีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าหรือ AFET เกิดขึ้น จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเสถียรภาพด้านราคาในระยะยาวเพราะตลาดมีอุปทานรองรับจริงๆ มีการกำหนดราคาผ่านการซื้อขายล่วงหน้า และถ้ามองทิศทางในรอบ 1 ปีของการเปิดซื้อขายที่ผ่านมา ระบบต่างๆ ของตลาดถือว่ามีความมั่นคง มีการซื้อขายที่สม่ำเสมอ มีระบบการหักบัญชีที่ดำเนินการได้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะเมื่อมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้น มั่นใจได้ว่าระบบต่างๆ ก็สามารถรองรับได้
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวอีกว่า หัวใจสำคัญในการพัฒนาการซื้อขายล่วงหน้าในประเทศไทยเรา คือนโยบายการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ต้องปรับให้เชื่อมโยงกับความคืบหน้าและพัฒนาการของกลไกการซื้อขายล่วงหน้า คืออาจจะกำหนดราคาขั้นต่ำที่เกษตรกรควรจะได้รับและรัฐเข้ามาซื้อขายผ่านตลาดล่วงหน้า ให้ราคาผันแปรตามอุปสงค์ และอุปทานในตลาด ซึ่งจะส่งผลให้การซื้อขายใน AFET เป็นไปอย่างคึกคัก ราคาล่วงหน้าในตลาด เป็นราคาที่สามารถใช้อ้างอิงในการซื้อขายได้ทั่วโลก
"รัฐบาลจะต้องเป็นแรงหนุนที่สำคัญที่สุด โดยจะต้องเข้าไปดำเนินการซื้อขายในตลาดล่วงหน้าก่อน เพราะรัฐเป็นผู้ซื้อขายสินค้าเกษตรรายใหญ่อยู่แล้ว โดยการซื้อขายบางส่วนเราจะใช้ราคาล่วงหน้าเป็นตัวตัดสิน เช่นถ้ารัฐมีข้าวในสต็อค 100,000 ตัน รัฐอาจกำหนดราคาขาย 80,000 ตัน อีก 20,000 ตัน นำเข้ามาซื้อขายในตลาดล่วงหน้า โดยอาจจะมีการเก็งกำไรกันบ้างก็ได้ แต่ให้มันเป็นไปตามอุปสงค์ อุปทาน รัฐก็จะได้ราคาเฉลี่ยตลาด ไม่ต้องขาดทุน ถ้ารัฐเป็นผู้นำในเรื่องการซื้อขายล่วงหน้า คิดว่าปริมาณการซื้อขายในตลาดจะมีมากพอ และจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเกษตร ตลอดจนกลุ่มนักลงทุนที่แสวงหาผลกำไรสนใจเข้ามาซื้อขายตาม" ดร.ทนง กล่าว
ด้านประธานกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ AFET จะดำเนินการครบ 1 ปี ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2548 นี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ปริมาณการซื้อขายในตลาด จนถึงวันที่ 31 มีนาคม รวม 43,717 สัญญา คิดเป็นมูลค่า 8,862 ล้านบาท โดยปริมาณการซื้อขายต่อวันมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณเฉลี่ยวันละ 222 สัญญา และมีสัญญาคงค้างหรือ Open Interest ที่นำไปสู่การส่งมอบ 2,865 สัญญา มีจำนวนบัญชีของผู้ลงทุนมากกว่า 1,000 บัญชี และยังมีกลุ่มคนที่สนใจเข้ามาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
"การเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้ากับตลาดจริง จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรไม่ผันผวนเกินไป อนาคตต่อไปข้างหน้า การมี AFET การช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆ ในด้านการซื้อขายให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกร สามารถมองอนาคตได้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดควรประกันความเสี่ยงโดยวิธีไหน ปัจจุบันตลาดล่วงหน้าของไทยถือว่ายังเล็กอยู่ ผู้ประกอบการบางส่วนคุ้นเคยกับการซื้อขายในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ อยากชักชวนให้คนเหล่านี้หันมาซื้อขายในตลาดเราแทน" ดร.สุวรรณ กล่าว
สำหรับเป้าหมายในตลาด AFET จะนำสินค้าตัวใหม่ๆ เข้ามาซื้อขายอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สินค้าที่กำลังศึกษาอยู่ มีข้าวหอมมะลิ ข้าวนึ่ง ปลายข้าว น้ำยางข้นและมันเส้นนอกจากนี้ต้องมุ่งเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดล่วงหน้าและประชาสัมพันธ์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นจุดที่สำคัญในการเสริมสร้างให้มีผู้เข้ามาใช้กลไกตลาดมากยิ่งขึ้น พร้อมยอมรับ ถ้ารัฐเข้ามาช่วยนำร่องในเรื่องการซื้อขายล่วงหน้า ก็สามารถสร้างให้ AFET เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายล่วงหน้าที่ราคาในตลาดใช้ในการอ้างอิงสำหรับการซื้อขายสินค้าเกษตร และทำให้ไทยมีส่วนร่วมในการกำหนดราคาในตลาดโลก ตามที่มุ่งหวังไว้ได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณ ณ มาดา แสงนิ่มนวล โทร 0 2263 9827,0 1684 5420
E-mail : namada@afet.or.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ