กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
กระแสความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมารับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น นำมาสู่การเติบโตของธุรกิจร้านอาหาร เครื่องดื่ม รวมไปถึงร้านเบเกอรี ซึ่งปัจจุบันยังคงมีศักยภาพการเติบโตสูง แต่การจะสร้างธุรกิจให้เติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่สูงนี้ มีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ต้นทุนด้านวัตถุดิบเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ เพราะถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักของร้าน การเลือกวัตถุดิบในการทำอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนในการผลิตที่สูงเกินความจำเป็น
"น้ำตาล" ถือเป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่อยู่คู่ครัวชาวไทยมาช้านาน แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า น้ำตาลสามารถเสริมประสิทธิภาพในการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรีได้มากกว่าที่คิด ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์น้ำตาลหลากหลายประเภทให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลเบเกอรี น้ำตาลไอซิ่ง รวมไปถึงน้ำเชื่อมและน้ำเชื่อมแต่งกลิ่นต่างๆ ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้มีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้น้ำตาลได้ถูกประเภทและตรงจุด นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรีให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นแล้ว ยังสามารถเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน ลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิต ประหยัดเวลา และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ประกอบการได้อีกด้วย
ภายในงาน THAIFEX 2018 หนึ่งในงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ที่ปีนี้บูธมิตรผลมาในคอนเซ็ปต์ "Sugar in Wonderland" ที่สรรสร้างดินแดนมหัศจรรย์ของโลกแห่งความหวาน
โดยนำเสนอกิจกรรมไฮไลท์ "Sugar Lab" ที่ยกแล็บมาทดลองกันถึงในงานเพื่อให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรีได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการเรียนรู้เรื่องของน้ำตาลเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ผ่านการสาธิตการวิเคราะห์และทดสอบน้ำตาลแต่ละประเภท ด้วยกระบวนการร่อน ละลายน้ำ และวัดความเข้มข้นของน้ำตาล โดยทีมนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำตาลโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่าการเลือกใช้น้ำตาลแต่ละประเภทอย่างเหมาะสมจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้อย่างไร
ลดการสูญเสียวัตถุดิบ = ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
น้ำตาลทรายแดงทั่วไป (ฝั่งซ้าย) จะมีเศษเหลือทิ้งบนตะแกรงมากกว่าน้ำตาลทรายแดงเบเกอรี การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับประเภทอาหาร จะช่วยให้ผู้ประกอบการใช้วัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่า เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดการสูญเสียเนื้อวัตถุดิบ และสิ้นเปลืองน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น สำหรับขนมเบเกอรีที่มีการร่อนน้ำตาลในกระบวนการผลิต เช่น ซอฟท์คุ้กกี้ บราวนี่ ช็อคโกแลตลาวา การเลือกใช้น้ำตาลทรายแดง เบเกอรีโดยเฉพาะ ซึ่งมีเนื้อละเอียดกว่าน้ำตาลทรายแดงทั่วไป จะช่วยลดเวลาในการร่อนน้ำตาล มีเศษเหลือบนตะแกรงน้อยกว่า ประหยัดต้นทุน และใช้วัตถุดิบได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่น้ำตาลทรายแดงที่มีเนื้อหยาบกว่า จะเหมาะกับการทำอาหารหรือขนมที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่มีความกรุบกรอบเล็กน้อย เช่น เฉาก๊วย บัวลอยน้ำขิง
คุณภาพ ประสิทธิภาพ ราคา สำคัญเท่าๆ กัน
ขนมเบเกอรีจะมีรสชาติดี หวานกลมกล่อมทั่วทุกส่วน หากผู้ประกอบการเลือกใช้น้ำตาลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการทำขนมประเภทนั้น โดยน้ำตาลเบเกอรีที่มีเกล็ดเล็กละเอียดและละลายในน้ำได้ง่ายกว่าน้ำตาลทรายขาวทั่วไป จะช่วยประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิต และทำให้ขนมที่มีเนื้อละเอียดเนียนนุ่มและขึ้นฟูเร็ว หากนำมาทำขนมเบเกอรีอย่าง แยมโรล มูส และเมอแรงค์ จะให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี อร่อยละมุนลิ้นหวานละลายในปาก
ควบคุมมาตรฐานการผลิต
ความท้าทายหนึ่งของผู้ประกอบการคือการทำอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมเบเกอรี ให้มีรสชาติคงที่ตามสูตร โดยเฉพาะเมื่อต้องทำออกมาในปริมาณมากต่อครั้ง หากผู้ประกอบการเลือกใช้น้ำตาลที่เหมาะกับอาหารประเภทนั้นๆ เช่น เลือกใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปแทนการทำน้ำเชื่อมเอง นอกจากประหยัดเวลาแล้ว ยังช่วยให้รสชาติความหวานที่ได้มีความคงที่ กลมกล่อม และตรงตามความต้องการเสมอ ไม่ว่าจะทำอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมในปริมาณน้อยหรือมากก็ตาม ผู้ประกอบการจะสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้เสมอ
นอกจากนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการประกอบธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี คือ การหมั่นหาไอเดียและวัตถุดิบในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา น้ำตาลมิตรผลจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำเชื่อม "โกลเด้น ไซรัป" อย่างเป็นทางการในงาน THAIFEX ครั้งนี้ด้วย โดยน้ำเชื่อมนี้มาพร้อมกับกลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติและสีเหลืองทอง มีความพิเศษที่สีสันและและรสชาติกลมกล่อมเฉพาะตัว เหมาะกับเครื่องดื่มหรือขนมที่ต้องการให้มีสีเหลืองอ่อนๆ กลิ่นหอมและรสชาติหวานละมุนจากธรรมชาติ นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ พิชิตใจนักชิมด้วยความมุ่งมั่น ในการวิจัยและพัฒนาของมิตรผลเพื่อสรรสร้างหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการและผู้บริโภคในทุกกลุ่ม จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ให้เลือกสรรหลากหลายประเภท อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับประเภทอาหารถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่ม หากผู้ประกอบการเลือกใช้ได้อย่างตรงจุด ก็จะสามารถปรุงรสชาติให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังคงที่ตามสูตร และเกิดความคุ้มค่า นำไปสู่คุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหารและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและผลักดันธุรกิจไปสู่ความสำเร็จต่อไปในอนาคต