กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--ศูนย์การค้ายูดีทาวน์
89 UPPER Eatery & Bar (เอทตี้ ไน์ อัพเพอร์ อีทเทอรี่ แอน์ บาร์) ร้านแฮงเอาท์ท่ามกลางบรรยากาศแบบโมเดิร์นลอฟท์ ใจกลางศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ ไลฟ์สไตล์มอลล์ยอดฮิตของคนอุดรธานี เสิร์ฟเมนูที่เป็นการผสมผสานระหว่างไทยและอิตาเลี่ยนคิวซีนได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นแหล่งไดนิ่งยอดฮิตของคนทั้งในอุดรธานีและนักท่องเที่ยวที่ปักหมุดว่าต้องมาลิ้มลอง
คุณหนุ่ย-ธนกร วีรชาติยานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า ยูดีทาวน์ อุดรธานี บอกว่า ในช่วงเทศกาลสำคัญอย่าง Thailand Shopping & Dining Paradise @ Udon Thani 2018 (ไทยแลนด์ ช้อปปิ้ง แอนด์ ไดนิ่ง พาราไดซ์ แอท อุดรธานี 2018) ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 6 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม นี้ ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ และร้าน 89 UPPER Eatery & Bar ได้สนับสนุนกิจกรรมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้วยการเตรียมเมนูพิเศษไว้คอยต้อนรับนักเดินทางที่จะมาท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว โดยรังสรรค์เมนูพิเศษ เพื่อสร้างความประทับใจแก่แขกผู้มาเยือน จาก "ปลากะพงเกล็ดทอง" ที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นเป็นแห่งแรกในอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี โดยเกษตรกรได้พัฒนาพื้นที่ทำนาเกลือสินเธาว์ให้เป็นบ่อเลี้ยงปลากะพง ด้วยแร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์จึงทำให้เกล็ดเป็นสีทอง และรสชาติดี ถือเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นระดับพรีเมี่ยม
จุ้ย-ธนกร แซ่อึ้ง ผู้อำนวยด้านอาหารและเครื่องดื่มของร้าน 89 UPPER Eatery & Bar ผู้มีดีกรี Sommelier มือรางวัลระดับประเทศ และมีประสบการณ์ในโรงแรมชื่อดังมาแล้วมากมาย เล่าว่า "ปัจจุบันปลากะพงเกล็ดทองกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการเพาะเลี้ยง เพราะได้ราคาที่สูงกว่าปลากะพงทั่วไป โดยมีราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมละประมาณ 200 บาท ซึ่งปลาหนึ่งตัวจะมีน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัม และในเรื่องของการนำมาทำเป็นเมนูต่างๆ เพื่อรับประทาน เนื่องจากปลาดังกล่าวถูกเลี้ยงในบ่อน้ำกร่อยที่มีส่วนผสมของเกลือสินเธาว์ จึงมีปริมาณของแร่ธาตุโพแทสเซียม และแม็กนีเซียมสูง ทำให้ปลามีเกล็ดเป็นสีทอง เนื้อสีขาวแน่น ให้รสชาติหวาน และยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โอเมก้า 3 ที่จะช่วยบำรุงสมอง บำรุงสายตา ทำให้ผิวพรรณผ่องใส และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย
ปลากะพงเกล็ดทองสามารถนำมารังสรรค์เป็นเมนูได้หลากหลาย อาทิ "สเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสไวน์ขาว" ที่ต้องการเน้นรสสัมผัสของเนื้อปลากะพงเกล็ดทองโดยเฉพาะ จึงจะไม่ใช้เครื่องปรุงรสมากนัก ส่วนวิธีการทำเริ่มจากการนำปลากะพงมาหั่นเป็นชิ้นตามยาว ให้ได้น้ำหนักต่อชิ้นประมาณ 180-200 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย ตามด้วยน้ำมะนาวเพื่อลดกลิ่นคาว จากนั้นนำไปย่างบนเตาถ่านไฟปานกลางให้สุกเป็นสีเหลืองทองทั้ง 2 ด้าน และนำมาพักไว้ ทำซอสไวน์ขาว โดยนำไวน์ขาวฝรั่งเศสมาเคี่ยวรวมกับหน่อไม้ฝรั่ง ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย พาสลี่ และนำไปบดรวมกันให้เป็นสีเขียวอ่อน ตักเสิร์ฟคู่กับสเต็กปลากะพงเกล็ดทองและผักเคียงต่างๆ ซึ่งเมนูนี้จะให้รสชาติความหวานมันของเนื้อปลาและความหอมจากซอสไวน์ขาว แนะนำให้รับประทานคู่กับ "ไวน์ขาว ชาร์ดอนเนย์" เพราะบ่มจากราชินีองุ่นเขียว จึงให้ความโดดเด่นในเรื่องของกลิ่น ทั้งกลิ่นหอมของวานิลลา เนย และ มะพร้าว เหมาะกับการรับประทานคู่กับอาหารทะเลที่มีเนื้อสีขาว
เมนู "สเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสเอ็กซ์โอ" ความเด็ดอยู่ที่ความเผ็ดร้อนของซอสเอ็กซ์โอสูตรพิเศษที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเอง ด้วยการผสมรวมเครื่องเทศและวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศจีนชั้นเยี่ยม อย่าง ยูนนานแฮม หอยเชลล์แห้ง และอีกมากมาย นำมาคลุกรวมกับเนื้อปลากะพงเกล็ดทอง ที่หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ผ่านการย่างบนเตาถ่านจนเหลืองกรอบ โดยเมนูนี้จะให้รสชาติที่ครบรสทั้งความหวานจากเนื้อปลา ความเผ็ดร้อนจากซอสเอ็กซ์โอ ความกลมกล่อมจากเครื่องปรุง ยิ่งรับประทานคู่กับผักสดออร์แกนิค จะช่วยเสริมรสชาติให้ดูเด่นขึ้นทีเดียว เมนูนี้หากรับประทานคู่กับเครื่องดื่มอย่าง "โรเซ่ไวน์" จะช่วยให้เพิ่มความสดชื่น ดับร้อนจากความเผ็ดของซอสเอ็กซ์โอได้เป็นอย่างดี เพราะความหวานหอมของผลไม้ที่ซ้อนอยู่ในโรเซ่ หรือจะดื่มคู่กับ "ไวน์แดง" จากองุ่นสายพันธุ์ปิโน นัวร์ ก็ได้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยเมนู "ปลากะพงเกล็ดทองทอดน้ำปลา" เมนูยอดฮิตที่ไม่ธรรมดา เพราะทางร้านจะเสิร์ฟเฉพาะเนื้อปลาเพื่อให้รับประทานได้ง่าย โดยจะนำปลาทั้งตัวมาแล่เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ นำไปล้างด้วยน้ำเกลือ เพื่อให้เนื้อปลาเหนียวนุ่ม ลดกลิ่นคาว เพิ่มรสเค็ม จากนั้นนำเนื้อปลาไปคลุกด้วยแป้งสาลี และนำลงไปทอดในน้ำมันที่ตั้งไฟแรง จะได้เนื้อปลาสีเหลืองทองกรอบนอกนุ่มใน นำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
จากนั้นมาปรุงน้ำราด ด้วยการใส่น้ำมันที่เหลือจากการทอดปลาเล็กน้อย เพื่อให้น้ำราดมีความหอมของปลา ตามด้วยน้ำปลา เคี่ยวรวมกับน้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้มีรสชาติหวานเค็ม ตักราดไปบนชิ้นปลาก็พร้อมเสิร์ฟ จะรับประทานคู่กับข้าวสวย หรือจะเพิ่มรสชาติความเผ็ดด้วยการรับประทานคู่กับน้ำยำมะม่วงสูตรพิเศษจากทางร้าน ก็ได้เช่นกัน เมนูนี้จะเลิศรสขึ้นเมื่อจิบ "คราฟต์เบียร์" เย็นๆ เพราะเสน่ห์ของคราฟต์เบียร์อยู่ที่การนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ให้เกิดรสชาติใหม่เหมาะกับการรับประทานคู่กับอาหารแบบไทยๆ
สำหรับใครที่อยากลองลิ้มชิมรสเนื้อปลากะพงเกล็ดทอง สามารถแวะมาได้ที่ร้าน 89 UPPER ศูนย์การค้า ยูดี ทาวน์ จังหวัดอุดรธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 042 932 999 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.goudtown.com Facebook: UDTOWN Instagram : UDTOWN และ Line Official : @UDTOWN
บรรยายภาพ
001 คุณหนุ่ย-ธนกร วีรชาติยานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า ยูดีทาวน์ อุดรธานี
002-003 จุ้ย-ธนกร แซ่อึ้ง ผู้อำนวยด้านอาหารและเครื่องดื่มของร้าน 89 UPPER Eatery & Bar ผู้มีดีกรี Sommelier มือรางวัลระดับประเทศ และมีประสบการณ์ในโรงแรมชื่อดังมาแล้วมากมาย
004 ปลากะพงเกล็ดทอง วัตถุดิบพรีเมี่ยมจากเกษตรกร ชาวอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
005-006 เมนูสเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสไวน์ขาว
007 "ไวน์ขาว ชาร์ดอนเนย์" ทานคู่กับเมนูสเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสไวน์ขาว
008 เมนูสเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสเอ็กซ์โอ
009 "ไวน์แดง" จากองุ่นสายพันธุ์ปิโน นัวร์ ดื่มคู่กับ เมนูสเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสเอ็กซ์โอ
010-011 เมนูปลากะพงเกล็ดทองราดน้ำปลา
012 "คราฟต์เบียร์" จิบคู่กับเมนูปลากะพงเกล็ดทองราดน้ำปลา
013 เชฟปรุงเมนูสเต็กปลากะพงเกล็ดทองกับซอสไวน์ขาว
014 การทำซอสเอ็กซ์โอสูตรพิเศษ
015-016 เชฟกำลังแล่ปลากะพงเกล็ดทองเพื่อทำเมนูต่างๆ