กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,295.10-1,301.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,770 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,820 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.26 น. ของวันที่ 11/06/61)
แนวโน้มวันที่ 12 มิถุนายน 2561
ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) เห็นพ้องกันถึงความจำเป็นของ "การค้าที่เสรี, เป็นธรรม และมีผลประโยชน์ร่วมกัน" และความสำคัญของการต่อสู้กับระบบกีดดันการค้า ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการไม่ให้คณะผู้แทนสหรัฐให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมดังกล่าว แม้ประเด็นดังกล่าวจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาขยับขึ้นไปได้ไม่ไกลมากนัก ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนประเมินไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีความเป็นไปได้ต่ำในการบรรลุข้อตกลงใดๆในที่ประชุม G7 นอกจากนี้สหรัฐและจีนขู่จะตอบโต้กันและกันด้วยการกำหนดภาษีสินค้ามูลค่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐกดดันจีนให้เปิดกว้างทางเศรษฐกิจเพิ่มและดำเนินการเรื่องยอดขาดดุลการค้าปริมาณมหาศาลของสหรัฐกับจีน ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน แสดงความกังวลต่อขัดแย้งทางการค้าที่มีความเสี่ยงสูงกับสหรัฐ และ จีนปฏิเสธนโยบายการค้าที่ "เห็นแก่ตัวและขาดวิสัยทัศน์" นอกจากนี้การประชุมสุดยอดระหว่าง ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐ กับ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ที่สิงคโปร์ ในเวลา 8.00 น.ของวันอังคารนี้ตามเวลาในไทย เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือกำลังถูกจับตา ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและเกาหลีเหนือทำการเจรจาเพื่อลดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันยังคงอยู่ที่ประเด็นที่ว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์จะส่งผลอย่างไรต่อทั้งสองประเทศ ยังคงทำให้ยากต่อการคาดการณ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนในตลาดทองคำรอจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ แม้คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ แต่นักลงทุนมุ่งจุดสนใจไปที่สัญญาณชี้นำของเฟด เพื่อใช้ประกอบคาดการณ์เกี่ยวกับแนวทางขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จากเดิม 3 ครั้ง เพิ่มเป็น 4 ครั้งหรือไม่ เบื้องต้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา และนักลงทุนต้องไม่ลืมที่จะตั้งจุดตัดขาดทุนและจุดขายทำกำไรให้ชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำให้ลงทุนระยะสั้น โดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,285-1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,307-1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญและขายทำกำไรทันทีหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน หากราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้านอีกครั้ง
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,282 (19,400บาท) 1,271 (19,250บาท) 1,263 (19,100บาท)
แนวต้าน 1,307 (19,800บาท) 1,315 (19,950บาท) 1,325 (20,100บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,282 (19,550บาท) 1,271 (19,390บาท) 1,263 (19,270บาท)
แนวต้าน 1,307 (19,940บาท) 1,315 (20,060บาท) 1,325 (20,210บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999