กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--โพลีพลัส พีอาร์
"ซีพี-เมจิ" สร้างปรากฏการณ์ดึงเทรนเนอร์ระดับโลก ติวเข้มพัฒนาศักยภาพนักวิ่งไทยให้ก้าวข้ามขีดจำกัด ในโครงการ "เมจิ ไฮโปรตีน มาย มาราธอน" เพื่อเพิ่มสมรรถภาพนักวิ่ง กับการฝึกซ้อมแบบครบวงจรครั้งแรกของเมืองไทย! พร้อมคัด 2 สุดยอดนักวิ่งลุยสนามระดับโลกใน "โตเกียว มาราธอน" ที่ประเทศญี่ปุ่น
บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์อันดับ 1 ในประเทศไทย ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท จัดโครงการ "เมจิ ไฮโปรตีน มาย มาราธอน" (Meiji High Protein My Marathon) เฟ้นนักวิ่งไทย 26 คน เข้าอบรมฝึกซ้อมการวิ่งเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างสถิติการวิ่งที่ดีที่สุดของตัวเอง ภายใต้การดูแลโดยโค้ชมืออาชีพระดับโลกด้วยรูปแบบการฝึกซ้อมอย่างครบวงจรที่สุดครั้งแรกของประเทศไทย
อัญชลี ถนัดกตัญญู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์นม บริษัท ซีพี – เมจิ จำกัด กล่าวว่า "ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งมั่นผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพให้แก่คนไทย โดยรวมถึงสินค้า "เมจิ ไฮโปรตีน" กลุ่มสินค้าที่มุ่งเน้นประโยชน์สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย ได้ทำกิจกรรมสนับสนุนเรื่องการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาหลากหลายชนิดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนกิจกรรมการวิ่งมาราธอนมาตลอด จึงเห็นได้ว่าใน 4-5 ปีที่ผ่านมา คนไทยหันมาให้ความสำคัญเรื่องการออกกำลังกายมากขึ้น และเข้าร่วมกิจกรรมการวิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานวิ่งระยะมินิมาราธอน ฮาฟมาราธอน หรือฟูลมาราธอน แต่สิ่งที่เราสังเกตเห็น คือ ถึงแม้นักวิ่งหลายคนจะฝึกซ้อมเป็นประจำ แต่มีการฝึกซ้อมแบบขาดเทคนิคที่ดี จึงทำให้ นักวิ่งไม่สามารถทำเวลาได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มีหลายคนที่เจอกำแพง แม้ซ้อมหนักแต่วิ่งไม่เร็วขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการพิชิตมาราธอนเป็นครั้งแรก ซึ่งเราเข้าใจว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีวินัย มีความตั้งใจในการเตรียมตัวและฝึกซ้อม ตลอดจนต้องได้รับโภชนาการที่ดีด้วย
ดังนั้น ในปีนี้ทางเมจิ ไฮโปรตีน จึงอยากจะยกระดับการฝึกซ้อมของนักวิ่งไทยให้ดียิ่งขึ้น โดยจัดทำโครงการ "เมจิ ไฮโปรตีน มาย มาราธอน" ขึ้น ซึ่งถือเป็นโครงการสำหรับฝึกซ้อมนักวิ่งแบบ ครบวงจรครั้งแรกของเมืองไทย โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมสร้างประสิทธิภาพในการวิ่งมาราธอนให้กับ นักวิ่งคนไทยให้ดียิ่งขึ้น พร้อมให้คำแนะนำความรู้ด้านโภชนาการที่จำเป็นและเหมาะสม โดยโครงการนี้จะเฟ้นหานักวิ่งที่มีความตั้งใจที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกระดับ เพื่อเข้าฝึกอบรมในหลักสูตร มืออาชีพ โดยดึงเทรนเนอร์ระดับโลกที่ฝึกนักกีฬาทีมชาติเข้าแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ มาจัดโปรแกรมการฝึกซ้อมตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 สัปดาห์ ให้ทุกคนได้เสริมความรู้ ความเข้าใจ จิตวิทยา และเทคนิคต่างๆ เพื่อให้สมรรถภาพร่างกายเข้าสู่การแข่งขันวิ่งมาราธอนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โครงการนี้จะรับนักวิ่งเข้าร่วมฝึกทั้งหมด 26 คน แบ่งการฝึกซ้อมทั้งหมดเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มนักวิ่งขั้นต้น (My First Marathon) หรือกลุ่มนักวิ่งขั้นต้นที่อยากพิชิตมาราธอนเป็นครั้งแรกภายในเวลา 5 ชม. จำนวน 10 คน 2) กลุ่มนักวิ่งระดับกลาง (My Next Marathon) ผู้ที่เคยวิ่งฮาล์ฟมาราธอน มาแล้ว แต่อาจทำเวลา (PB) ได้ไม่ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งใจ และต้องการทำเวลาให้ดีขึ้น เพื่อสามารถลงแข่งมาราธอนได้ภายในเวลา 4.30 ชม. จำนวน 10 คน และ 3) กลุ่มนักวิ่งระดับสูง (My Best Marathon) ซึ่งมีเป้าหมายต้องการวิ่งมาราธอนให้ได้ภายในเวลา 3.30 ชม. จำนวน 6 คน โดยผู้สมัครแต่ละคนต้องมีคุณสมบัติและมีประสบการณ์ลงแข่งขันวิ่งในสนามจริงมาแล้วตามเกณฑ์ที่โครงการกำหนดไว้ นอกจากนี้ยังมีดารานักแสดงอย่าง "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์, "โย" ยศวดี หัสดีวิจิตร และ "ณัฐ" ศักดาทร ที่มาร่วมฝึกซ้อมเพื่อพิชิตเป้าหมายร่วมกับนักวิ่งในโครงการตามแต่ละกลุ่มอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ระหว่างการฝึกซ้อมทั้ง 3 กลุ่ม จะได้ลงแข่งขันวิ่งเพื่อทดสอบสมรรถภาพของตัวเองในรายการ อุบลฮาล์ฟมาราธอน 2018, บางกอก มิดไนท์ มาราธอน 2018 และภูเก็ตธอน 2018 และผู้ที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในกลุ่ม "My Best Marathon" จำนวน 2 คน จะได้โควตาลุยศึกโตเกียวมาราธอน หนึ่งในงานวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ประเทศญี่ปุ่น
นอกเหนือจากโปรแกรมการฝึกซ้อมโดยโค้ชระดับโลกแล้ว เรายังให้ความสำคัญในส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่นักวิ่ง เราจึงเตรียมนักโภชนาการ ที่ดูแลเรื่องโปรแกรมอาหาร หรือการเสริมโปรตีนเพื่อดูแลร่างกายสำหรับนักวิ่งแต่ละคนโดยเฉพาะว่าคนไหนควรกินอะไรเพิ่มหรือคนไหนควรลดอะไร รวมถึงจัดทีมผู้ช่วยโค้ชมืออาชีพที่จะมาช่วยดูแลนักวิ่งในการฝึกซ้อมแต่ละสัปดาห์ตลอดโครงการ ขณะเดียวกันทุกสัปดาห์ยังมีโปรแกรมการออกกำลังกายที่จัดให้อย่างเหมาะสมสำหรับ แต่ละคน และทำการบันทึกความเปลี่ยนแปลงของสมรรถภาพร่างกายทุกสัปดาห์ โดยหลังจบโปรแกรม การฝึก ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับประกาศนียบัตร พร้อมลายเซ็นจากผู้ฝึกสอนระดับโลกเป็นที่ระลึก
ที่สำคัญที่สุด คือผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมฝึกในโครงการนี้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ต้องแลกกับการลงทุน 3 อย่าง คือ เวลา วินัย และความเสียสละ เพราะทุกคนต้องมาร่วมการฝึกซ้อมตามที่โปรแกรมกำหนดไว้ทุกครั้ง รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของเทรนเนอร์ทั้งด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการพักผ่อน อย่างเคร่งครัด ตลอดจนกฎระเบียบต่างๆ ตามที่โครงการระบุไว้ในสัญญา ซึ่งเราหวังว่าโครงการในปีนี้จะเป็นนิมิตหมายอันดีในการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพนักวิ่งไทยอย่างจริงจัง ซึ่งเราตั้งใจว่าจะสานต่อโครงการนี้ต่อเนื่องไปอีก 3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย"
ทั้งนี้ "My First Marathon" จะฝึกสอนโดย ยูกิ นางาตะ (ญี่ปุ่น) ดีกรีนักวิ่งมาราธอนหญิงที่ทำเวลา 2.46 ในการวิ่งมาราธอน อีกทั้งเป็นผู้ฝึกสอนในเครือ ลาฟาอีน สถานฝึกนักวิ่งมาราธอนชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ "My Next Marathon" ฝึกสอนโดย เรแนร์ โมติวิแยร์ แบลเล ดีกรีนักวิ่งระยะไกลชาวอเมริกันที่เข้าแข่งขันที่ไอดับเบิ้ลเอเอฟ (IAAF World Cross Country Championships) และจบอันดับที่แปดในชิคาโก้ มาราธอน และ My Best Marathon ฝึกสอนโดย เกรก ลอตเอนสล็อคเออร์ ดีกรีนักกีฬาวิ่งทีมชาติ กวาดชัยชนะมาแล้วกว่า 200 เหรียญ ปัจจุบันเป็นผู้ฝึกสอนนักกีฬาโอลิมปิก สังกัดสถาบันนีลสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับโครงการ "เมจิ ไฮโปรตีน มาย มาราธอน" ครั้งนี้ มีผู้ร่วมสนับสนุนโครงการไปกับ เมจิ ไฮโปรตีน ดังนี้ มูฟ เอเชีย, ไทยรัน, วี ฟิตเนส, ดีเวอร์ เจล, ไอแอม, ผ้าเย็นรีเฟรช โดยโครงการจะเปิดรับสมัครนักวิ่งไทยอายุระหว่าง 25-40 ปี (ไม่จำกัดเพศ) เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 26 ราย โดยผู้สมัครประเภท "My First Marathon" (10 คน) ต้องเคยผ่านการวิ่งระยะ 10 กม.ขึ้นไป ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ได้ PB ตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนดไว้ ขณะที่ประเภท "My Next Marathon" (10คน) ต้องเคยผ่านการวิ่งระยะ 21.1 กม.ขึ้นไป ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ได้ PB ตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนดไว้ และประเภท "My Best Marathon" (6 คน) ผ่านการวิ่งระยะ42.195 กม. ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง และเคยทำเวลา (PB) sub 4:15 โดยจะเริ่มฝึกครั้งแรกช่วงเดือน ก.ค. 2561 เป็นต้นไป ผู้สนใจโครงการสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ ได้ทาง Facebook Page Meiji High Protein Fan Page, Facebook Thai.Run Fan Page และ www.thai.run