กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,296.10-1,300.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,800 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 40 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,760 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.44 น. ของวันที่ 12/06/61)
แนวโน้มวันที่ 13 มิถุนายน 2561
การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกันเพื่อยุติความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ณ โรงแรมคาเพลลา บนเกาะเซนโตซ่า ของประเทศสิงคโปร์ ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ หลังเสร็จสิ้นการประชุม มีการลงนามในเอกสาร"แบบเบ็ดเสร็จ"ที่มุ่งไปที่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ นำไปสู่กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียรที่จะเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีนเปิดเผยว่า อาจจะมีการพิจารณาผ่อนคลายการคว่ำบาตรสำหรับเกาหลีเหนือ หลังจากการลงนามเรียบร้อย แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นไปตามคาดการณ์ แต่ตลาดหุ้นเอเชียและ ยุโรปปรับตัวสูงขึ้นตอบรับผลการประชุมที่ปิดฉากลงด้วยดี ส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรอดูผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันอังคารและวันพุธนี้ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 1.50-1.75% เป็น 1.75-2.00% ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2018 โดยจุดสนใจอยู่ที่ว่า เฟดจะส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งหมดกี่ครั้งในปี 2561 แนะนำนักลงทุนติดตามรายงาน Dot Plot ที่จะสะท้อนมุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ผ่านความเห็นของกรรมการแต่ละท่าน เพราะการประชุมของเฟดในรอบเดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่เฟดสนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ทั้งหมด 3 ครั้งและ 4 ครั้งอย่างละเท่าๆกัน ซึ่งหากมีโอกาสที่เฟดจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยสงสัญญาณไว้ จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นได้ จนสร้างแรงกดดันเข้าสู่ตลาดทองคำเพิ่มเติม แต่หากผลการประชุมเฟดไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำก็มีโอกาสดีดตัวขึ้นได้เช่นกัน สำหรับมุมมองต่อราคาทองคำนั้น ประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,307-1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ จะทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง ซึ่งการแกว่งตัวของราคาถือเป็นโอกาสให้เข้าซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ เบื้องต้นหากราคาสามารถยืนเหนือรับได้อย่างแข็งแกร่ง แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร โดยควรรอราคาอ่อนลงแล้วค่อยเข้าซื้อในบริเวณแนวรับที่ 1,285-1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดโซนแนวรับดังกล่าวให้ชะลอการลงทุนออกไปในบริเวณแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,271-1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,307 หรือ 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ นอกจากนี้ควรพิจารณาค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจหากเงินบาทกลับมาแข็งค่าจะกดดันราคาทองคำภายในประเทศ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,282 (19,400บาท) 1,271 (19,250บาท) 1,263 (19,150บาท)
แนวต้าน 1,307 (19,850บาท) 1,315 (19,950บาท) 1,325 (20,100บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,282 (19,560บาท) 1,271 (19,390บาท) 1,263 (19,270บาท)
แนวต้าน 1,307 (19,940บาท) 1,315 (20,060บาท) 1,325 (20,220บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999