กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทย จับมือไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เจ้าของแฟรนไชส์ร้านอาหารยอดนิยมของไทย หนุนสินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ เปิดร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ และแดรี่ควีน ตอบรับการขยายตัวธุรกิจอาหารและไอศกรีม พิเศษสำหรับผู้ลงทุนเปิดร้านทั้ง 3 แบรนด์ สมัครสินเชื่อวันนี้ - 31 ธ.ค.61 ไม่ต้องผ่อนนาน 3 เดือน ตั้งเป้าปล่อยกู้ 350 ล้านบาท
นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตมาตลอด โดยในปี 60 ตลาดแฟรนไชส์มีมูลค่าสูงถึง 200,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 230,000 ล้านบาทในปี 61 หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน โดย 3 อันดับแฟรนไชส์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ได้แก่ 1) อาหาร 2) เครื่องดื่มและไอศกรีม 3) เบเกอรี่ ซึ่งมีปัจจัยการเติบโตมาจาก การขยายตัวของห้างสรรพสินค้าหรือปั๊มน้ำมัน ที่มักใช้ร้านดังๆเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ พฤติกรรมการชอบกินข้าวนอกบ้านของลูกค้าที่เป็นครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และการเติบโตของธุรกิจดิลิเวอรี โดยเฉพาะวัยรุ่นหรือคนโสด มักเป็นกลุ่มที่มีความคุ้นเคยกับการสั่งอาหารออนไลน์
ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ถือว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีการเติบโตสูง และเป็นพันธมิตรสำคัญที่ธนาคารตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของธุรกิจ (Total Business Solution) ได้แก่
การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ สำหรับผู้สนใจเป็นเจ้าของร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน เพื่อใช้ลงทุนเปิดสาขาใหม่ ขยายสาขา หรือปรับปรุงสาขา รวมถึงการลงทุนเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใหม่ๆ ด้วยวงเงินสินเชื่อ 80% ของมูลค่าการลงทุน ไม่ต้องใช้หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยพิเศษปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ปีที่ 3 จนถึงครบสัญญา อัตราดอกเบี้ย MRR-1.5% และพิเศษเฉพาะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ธนาคารได้ช่วยลดภาระทางการเงินและเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้สนใจลงทุนเปิดร้านทั้ง 3 แบรนด์ สมัครสินเชื่อตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค.61 ไม่ต้องผ่อนชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือนการจับคู่ลูกค้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยเฉพาะลูกค้าที่มีเงินลงทุนพร้อม แต่ยังไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ในการทำธุรกิจ ธนาคารจึงเป็นตัวกลางในการหาลูกค้าที่มีศักยภาพให้มีโอกาสมาเจอกับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ปการหาทำเลที่เหมาะสม ธนาคารร่วมกับพันธมิตรที่เป็น Landlord สำคัญ ในการหาทำเลเช่าเปิดร้านที่เหมาะสมให้กับผู้สนใจลงทุนกับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป
นายสุรัตน์ กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันธนาคารฯ มียอดสินเชื่อแฟรนไชส์คงค้าง 2,441 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายเติบโต 5% โดย 3 ธุรกิจที่มียอดสินเชื่อแฟรนไชส์มากที่สุดของธนาคาร ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหาร และธุรกิจเครื่องดื่ม โดยไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เป็นแฟรนไชส์กลุ่มธุรกิจอาหารที่มีสัดส่วนมากที่สุดของธนาคาร โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง ณ เดือนมีนาคม 61 อยู่ที่ 438 ล้านบาท และธนาคารตั้งเป้าปล่อยกู้ในปีนี้ให้กับไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป 350 ล้านบาท
ด้านนางกัญญา เรืองประทีปแสง ประธานฝ่ายการเงิน บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทยที่มีรากฐานมายาวนานทั้งตราสินค้า และรูปแบบที่เป็นสากล สินค้าเป็นที่นิยมและชื่นชอบของประชาชนทั่วประเทศ ทำให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง และสามารถคืนทุนได้ภายใน 5 ปี นอกจากนี้ยังมีระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่สร้างความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการสร้างยอดขาย การรักษามาตรฐานผลิตภัณฑ์ และการให้บริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน จะต้องมีคุณสมบัติประกอบด้วย 1.มีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงพอ 2.มีที่พักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่ประกอบกิจการ 3.ดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง 4.ไม่ประกอบธุรกิจร้านอาหารอื่น ๆ ยกเว้นเป็นผู้ประกอบการเดิมของไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป 5.มีความเข้าใจในตลาดและกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ 6.มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานสำคัญ ๆ ในพื้นที่
นางกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์หลักในครึ่งปีหลังของร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี จะเน้นเรื่องความสดใหม่ของพิซซ่าและพาสต้า และราคาที่คุ้มค่าตลอดทั้งปี พร้อมตั้งเป้าจะเปิดสาขาให้ได้ 100 สาขาทั่วประเทศในปีนี้ โดยจะแบ่งเป็นธุรกิจแฟรนไชส์จำนวน 50 สาขา ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จะเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านรูปแบบร้านที่ทันสมัย ด้วยการปรับปรุงร้านเดิม เน้นความสนุกสนาน สีสันโดดเด่น ส่งเสริมบรรยากาศการทานไอศกรีม รวมทั้งการพัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อรักษาคุณภาพของไอศกรีม เน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้า ทั้งจากลูกค้าเดิมด้วยการเพิ่มความถี่ และการยึดครองความเป็นเจ้าตลาดบิงซูที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เชื่อมั่นว่าจะสร้างกระแสและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มได้ นอกจากนี้ยังเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้า ครอบครัว และเด็กๆ ให้เห็นว่าสเวนเซ่นส์เป็นร้านที่เต็มไปด้วยความสุขในทุกเทศกาล และมีการพัฒนาระบบการสร้าง Brand loyalty ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอัพเกรดระบบ ทำการสื่อสารการตลาดด้วยช่องทางที่ทันสมัยเหล่านี้ เพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับร้านไอศกรีมแดรี่ควีน มีกลยุทธ์หลักคือ 1. สร้างความแข็งแกร่งในฐานธุรกิจลูกค้ากลุ่มเดิมด้วย สินค้าใหม่ที่โดนใจคนไทย 2.ขยายธุรกิจไปยังช่องทางใหม่ๆ ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม 3.สร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ ด้วยการเพิ่มความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ความร่วมมือกันในวันนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้สนใจหรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยากมีธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ และยังมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และด้วยบริการทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย เชื่อมั่นว่าจะช่วยผู้ประกอบการในการแบ่งเบาเงินลงทุน และภาระดอกเบี้ยได้เป็นอย่างดี