กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 15 มิถุนายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,296.90-1,303.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,950 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 20,050 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,940 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.48 น. ของวันที่ 15/06/61)
แนวโน้มวันที่ 18 มิถุนายน 2561
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แม้ประกาศว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลภายในสิ้นปีนี้ แต่ประกาศว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปจนกระทั่งกลางปี 2562 ขณะที่ผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ -0.1% ตามที่คาดการณ์เอาไว้ในวงกว้างและและให้คำมั่นว่าจะรักษาระดับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของญี่ปุ่นไว้ที่ประมาณ 0% ซึ่งมีทิศทางตรงกันข้ามกับ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ประกาศเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยดังกล่าวผลักดันดัชนีดอลลาร์บวกขึ้นสู่ระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ จนกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงรักษาช่วงบวกไว้ได้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามการค้า เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25% วงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้จีนที่ขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งนายเกิง ซวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาประกาศว่า จีนจะตอบโต้อย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องตนเอง หากสหรัฐสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน ทั้งนี้ นักลงทุนยังรอความชัดเจนกรณีที่สหรัฐอาจจะประกาศรายการภาษีครั้งที่ 2 ที่เล็งเป้าหมายสินค้าจีนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับรายการภาษีมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้กองทัพเรือของจีนได้ออกปฏิบัติการซ้อมรบในทะเลจีนใต้ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของกองทัพอากาศสหรัฐได้บินใกล้หมู่เกาะพิพาท ขณะที่สหรัฐและจีนขัดแย้งกันบ่อยครั้งในทะเลจีนใต้ โดยจีนกล่าวโทษว่าความตึงเครียดเกิดขึ้นจากพฤติกรรมต่างๆ เช่น ปฏิบัติการ "ลาดตระเวนแบบเสรี" ของกองทัพเรือสหรัฐ ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐแสดงความเกี่ยวกับความพยายามของจีนในการขยายกำลังทางทหาร สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาอาจเกิดการแกว่งตัวเพิ่มขึ้นตามข่าวในแต่ละวัน ซึ่งเหตุผลดังกล่าวทำให้ในระยะนี้วายแอลจีแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,309 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,292-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,295-1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,292 (19,750บาท) 1,280 (19,600บาท) 1,271 (19,450บาท)
แนวต้าน 1,309 (20,050บาท) 1,315 (20,150บาท) 1,325 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,292 (19,920บาท) 1,280 (19,740บาท) 1,271 (19,600บาท)
แนวต้าน 1,309 (20,190บาท) 1,315 (20,280บาท) 1,325 (20,440บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999