กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา - กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานฉลองครบรอบ 40 ปี ภายใต้ชื่องาน "Thailand E&E Next Step" โดยได้รับเกียรติจาก นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ต่อการพัฒนา Thailand E&E Industry Next Step และความคาดหวังของนักธุรกิจต่างชาติต่ออุตสาหกรรมไทยในอนาคต" นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "บทบาทภาครัฐต่อการสนับสนุนอุตสาหกรรมไทย" และ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "การปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยยุคดิจิทัล" ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต
นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม ส.อ.ท. เปิดเผยว่า เป็นเวลากว่า40 ปี ที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม สร้างความเจริญเติบโต สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับ 1 ของประเทศ คิดเป็นร้อยละ 25 หรือประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท และยังเป็นอุตสาหกรรมต้นกำเนิดของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย อันจะนำพาประเทศชาติไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตยุค 4.0
งานฉลองครบรอบ 40 ปี ภายใต้ชื่องาน "Thailand E&E Next Step" ครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงศักยภาพความยิ่งใหญ่ ของอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และมุมมองที่จะก้าวไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืนและมั่นคง เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญของนักลงทุนต่างประเทศ และเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ซึ่งจากนี้ไป กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม ส.อ.ท. จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคมของประเทศไทย ให้เกิดพลังขับเคลื่อน สร้างขีดความสามารถ และแข่งขันกับนานาประเทศต่อไปอย่างยั่งยืน
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจจะต้องเตรียมพร้อมสู่โลกอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และโลกธุรกิจยุคใหม่ เพื่อให้อุตสาหกรรมและธุรกิจสามารถเติบโตอยู่รอดอย่างยั่งยืนในอนาคต และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริโภค และภาคส่วนต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ปี อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาแทรกแซงเทคโนโลยีเดิม (Disruptive Technology) ทำให้หลายภาคส่วนโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ถูกผลกระทบให้ต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในหลาย ๆ ด้านตามไปด้วย ซึ่งอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่ยังใช้เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ ต้องเร่งปรับตัวและสร้างโอกาสจากเทคโนโลยีใหม่เพื่อทดแทนเทคโนโลยีแบบเดิม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมไทย จึงกำหนดนโยบายการขับเคลื่อน Industry Transformation ขึ้นมา เพื่อให้มุ่งไปในทิศทางเดียวกันในการยกระดับอุตสาหกรรมยุคใหม่ด้วยนวัตกรรมเพื่อรองรับการเชื่อมต่ออุตสาหกรรมตั้งแต่ระดับ 1.0-4.0 ได้แก่ สร้างความยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพภาคอุตสาหกรรม สร้างผู้ประกอบการใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับบุคลากร"