กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ก.พลังงาน
รมว.พลังงาน ชี้แจง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใด ๆ ในกิจการพลังงาน ระบุหลังเข้ารับตำแหน่งเพียง 2 วัน จัดการโอนหุ้นส่วนตัว และภรรยาให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และให้ขายหุ้นของทุกบริษัทที่มีสัญญากับรัฐออกทั้งหมด ย้ำยื่นรายละเอียดทั้งหมดให้ ปปช. และศาลปกครองสูงสุด ประกอบการพิจารณาคดีเพิกถอน ปตท. จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ทุกอย่างโปร่งใส พร้อมเปิดรายละเอียดทั้งหมด หลังศาลปกครองพิจารณาคดีเสร็จสิ้น
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีข่าวที่สหพันธ์คุ้มครองผู้บริโภคได้ระบุว่า ตนและภรรยา มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการถือหุ้นในกิจการพลังงาน จึงไม่ได้ดูแลกลุ่มผู้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ และปล่อยให้มีการปรับราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้มขึ้นไป เพื่อเอื้อผลกำไรให้แก่ธุรกิจนั้น โดยขอยืนยันว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมด ไม่มีความเป็นจริง
หลังจากที่ตนได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2549 ได้สองวัน ได้โอนหุ้นทั้งหมด ทั้งที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงาน และไม่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบริหารจัดการในรูปของกองทุนส่วนบุคคล ตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2549 โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมว่ากองทุนส่วนบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่ถือหุ้นในธุรกิจที่มีสัญญา สัมปทานหรือข้อผูกพันกับรัฐ
และต่อมาผู้จัดการกองทุนฯ ได้ดำเนินการขายหุ้นทั้งหมดที่อาจมีสัญญากับรัฐ โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2549 ได้ดำเนินการขายหุ้นทางด้านพลังงาน และบริษัทอื่นที่มีสัญญากับรัฐ และครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2549 ได้ดำเนินการขายหุ้นในส่วนที่เหลือ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่หุ้นของบริษัทที่ไม่มั่นใจว่าจะมีสัญญากับรัฐหรือไม่ แต่เพื่อความสบายใจ จึงขายหุ้นทิ้งทั้งหมด เพราะต้องการให้เกิดความโปร่งใสที่สุด โดยรายละเอียดทั้งการถือครองหุ้น และการขายหุ้นทั้งหมดที่เกิดขึ้น ได้รายงานให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ตามหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวชี้แจงเพิ่มว่า ประเด็นการถือหุ้นของตนได้มีการหยิบยกขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ในการพิจารณาคดีการเพิกถอนการแปรรูปปตท.จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งตนได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับ เรื่องการจัดการหุ้น ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อประกอบการพิจารณาคดีเพิกถอนการแปรรูป ปตท. เนื่องจากในขณะนี้คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ จึงยังไม่อยากระบุรายละเอียดมากนัก ซึ่งหากศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดีทั้งหมดเสร็จสิ้น รายละเอียดทั้งหมดก็จะปรากฏในคำตัดสิน และเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรณีการปรับราคาก๊าซหุงต้ม กระทรวงพลังงานมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เพราะที่ผ่านมามีการบิดเบือนราคาก๊าซหุงต้มมาโดยตลอด และทำให้ราคาก๊าซหุงต้มต่ำกว่าความเป็นจริง เกิดการใช้ผิดวัตถุประสงค์ และมียอดการใช้เพิ่มขึ้นมาก จนอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนในอนาคต โดยการปรับราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้ ก็เพื่อลดภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันที่ต้องนำเงินส่วนหนึ่งจากผู้ใช้น้ำมันมาชดเชย และทำให้ราคาพลังงานสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเพิ่