กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--ปอร์เช่ ประเทศไทย
ปอร์เช่พร้อมนำเสนอผลงานยนตรกรรมสปอร์ตชิ้นเยี่ยมสำหรบการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมฉลอง วาระครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งบริษัท: ปอร์เช่ 911 สปีดสเตอร์ คอนเซ็ป (Porsche 911 Speedster Concept) คือยานยนต์ต้นแบบที่พร้อมสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ของรถสปอร์ตเปิดประทุนทีจะมาปลุก เร้าอารมณ์การขับขี่สุดสนุกตามสไตล์รถปอร์เช่อย่างแท้จริง โดยมีที่มาและความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับต้นตระกูลสปอร์ต โรดสเตอร์คันแรกอย่าง ปอร์เช่ 356 'No.1' ซึ่งถูกผลิตขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1948 ดังนั้นความ สัมพันธ์ที่เห็นได้ชัดกับรถสปอร์ตรุ่นปัจจุบัน นั่นคือ แนวคิดในการออกแบบพัฒนาและความเป็นมาที่เกี่ยวเนื่องกัน ปอร์เช่ 911 สปีดสเตอร์ คอนเซ็ป (Porsche 911 Speedster Concept) จึงเป็นภาพสะท้อนถึงทิศทางการดำเนินงานที่สืบทอด กันมายาวนานของปอร์เช่ที่เมืองสตุ๊ทการ์ทแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์สปอร์ตที่แท้จริงนวัตกรรม เทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัยมากมาย ถูกนำมาบรรจุภายใต้ตัวถังรถสี two-tone ของรถต้นแบบที่ถือกำเนิดจากพื้นฐาน ของรถปอร์เช่สายพันธุ์ GT จากการทุ่มเทและพัฒนาโดย Porsche Motorsport Centre อันเป็นสถานที่ที่ใช้ในการสร้างสรรค์ปอร์เช่ 911 จีที 2 อาร์เอส (Porsche 911 GT2 RS) และล่าสุดคือ จีที3 อาร์เอส (GT3 RS) การเปิดตัวครั้งแรก ในโลกของปอร์เช่ 911 สปีดสเตอร์ คอนเซ็ป (Porsche 911 Speedster Concept) คือ ส่วนหนึ่งของการเฉลิม ฉลองวาระครบรอบการก่อตั้งองค์กรด้วยกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ '70 years Porsche sportscar' ภายในสำนักงานที่ Zuffenhausen รถต้นแบบคันดังกล่าวยังคงรักษาเอกลักษณ์จากสายการผลิตเอาไว้ค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ ถูกผลิตจนกระทั่งปี 2019 อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขั้นตอนสุดท้ายกำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
911 สปีดสเตอร์ คอนเซ็ป (911 Speedster Concept) โดดเด่นด้วยโครงกระจกบานหลังที่สั้นลงในส่วนของกระจก บังลมหน้ามีองศาที่สูงขึ้นจากเดิมและมีรูปลักษณ์ของกระจกมองข้างที่กะทัดรัดมากขึ้น การปรับเปลี่ยนรูปทรงภายนอกดัง กล่าวส่งผลให้รถสปอร์ตต้นแบบคันนี้มีภาพลักษณ์โดยรวมที่ดูกลมกลืนต่อเนื่องและมีแนวหลังคาที่ลดระดับต่ำลงอย่างชัดเจน การถ่ายทอดบุคลิกลักษณะที่ทำให้สามารถนึกถึงถึงยนตรกรรมในตำนานอย่าง ปอร์เช่ 356 1500 สปีดสเตอร์ (Porsche 356 1500 Speedster) วัสดุที่ใช้ในการครอบตัวถัง ส่วนท้ายผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ติดตั้งอย่างลงตัวบริเวณ ด้านหลังของเบาะที่นั่งทั้ง 2 ฝั่ง โดยทำหน้าที่ปิดผนึกโครงสร้าง roll-over protection ในรูปแบบของ 'double bubble' ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในงานออกแบบของรถสปอร์ตตระกูล 911 สปีดสเตอร์ (911 speedster) นับตั้งแต่รุ่นปี 1988 เป็นต้นมา ชิ้นส่วนตรงกลางสีเข้ม 2 ระดับ เชื่อมต่อระหว่างช่วงบนสุดของแนวหลังคาท้ายทั้ง 2 เข้าด้วยกัน ให้สัมผัสที่เด่นชัด ถึงหลักอากาศพลศาสตร์อันยอดเยี่ยม เสริมด้วยแผ่นกันลมโปร่งใส Plexiglas wind deflector ประทับตราสัญลักษณ์ '70 years of Porsche'
ด้วยหลักปรัชญาในการพัฒนาที่ยึดมั่นมาโดยตลอด ปอร์เช่ 911 สปีดสเตอร์ คอนเซ็ป (Porsche 911 Speedster Concept) ได้รับการติดตั้งหลังคาอ่อนพิเศษน้ำหนักเบา tonneau แทนที่หลังคาแข็งแบบ convertible ทั่วไป ทั้งนี้ชุดหลังคาดัง กล่าวสามารถให้การปกป้องภายในห้องโดยสารจากน้ำฝนขณะใช้งานโดยติดกับตัวถังอย่างแน่นหนาด้วยจุดยึด Tenax ถึง 8 ตำแหน่ง ยนตรกรรมในตระกูล สปีดสเตอร์ (Speedster) ของปอร์เช่ทุกคัน ล้วนเน้นย้ำถึงการออกแบบให้มีน้ำหนัก เบาเป็นพิเศษ ไม่เว้นแม้แต่วัสดุภายในห้องโดยสาร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ระบบนำทางผ่านดาวเทียม ระบบความบันเทิง และ ระบบปรับอากาศไม่ได้รับการติดตั้งลงในรถคันนี้ เบาะนั่งแบบสปอร์ต full bucket seats ผลิตจากคาร์บอนและการตกแต่ง ภายในด้วยวัสดุหนังแท้สีน้ำตาลอ่อน Cognac 356 ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากสปอร์ตคลาสรุ่นพี่
พื้นฐานของโครงสร้างตัวถังในรถต้นแบบคันนี้ถูกหยิบยืมมาจากปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า 4 คาบลิโอเล็ต (911 Carrera 4 Cabriolet) แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือบริเวณฝากระโปรงหน้าและแผ่นครอบตัวถังด้านท้ายรถ ได้รับการผลิตขึ้นจากวัสดุ คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา งานสีตัวถังภายนอกที่ดูสง่างามเป็นเอกลักษณ์จากการผสมผสานระหว่างสีเงิน GT Silver และสีขาว White ที่ทำให้นึกถึงรูปแบบดั้งเดิมของรถแข่งสายสนามของปอร์เช่ นอกจากนี้ยังรวมถึงการตกแต่งที่ใส่ใจ ในทุกรายละเอียด อาทิ ฝาปิดถังน้ำมันในสไตล์ย้อนยุครถปี 50s ติดตั้งบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงหน้า กระจกมองข้าง ทรงลู่ลมสุดคลาสสิก หรือไฟหน้าที่ออกแบบมาโดยมีลักษณะให้ผิวหน้าของโคมสามารถกระจายแสงแบบกากบาทซึ่ง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่สืบทอดถึงความรุ่งโรจน์ตั้งแต่อดีตของวงการมอเตอร์สปอร์ตของปอร์เช่ ทั้งนี้รถแข่งตัวแรงใน อดีตจะได้รับการคาดแผ่นเทปรูปกากบาทลงบนผิวหน้าของโคมไฟก่อนการแข่งขันเพื่อป้องกันการกระแทกจากเศษหินและเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กระจกโคมไฟ เสากลางหรือ B-pillars – ขนาดใหญ่และตัวถังส่วนท้ายรถได้รับการตกแต่ง อย่างสวยงามด้วยตัวอักษร Speedster สีทอง
ชิ้นงานตัวถังใต้ท้องรถของปอร์เช่ 911 สปีดสเตอร์ คอนเซ็ป (Porsche 911 Speedster Concept) ยังคงยึดถือความ เป็นที่สุดของการคัดสรรวัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยมเพื่อนำมาติดตั้ง ระบบช่วงล่างที่ใช้พื้นฐานการออก แบบจากปอร์เช่ 911 จีที3 (Porsche 911 GT3) โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขัดเงาลาย 5 ก้าน ขนาด 21 นิ้ว นับเป็นครั้งแรกสำหรับล้อลวดลายนี้ที่ได้ รับการออกแบบให้ใช้น็อตล้อกึ่งกลางแบบ centre locks ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนารถสปอร์ตตระกูล GT ให้ ความสำคัญกับระบบระบายไอเสียและระบบส่งกำลัง ด้วยการติดตั้งปลายท่อไอเสียแบบไทเทเนียม รวมทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบนอนที่ให้พละกำลังสูงสุดมากกว่า 500 แรงม้า พร้อมตอบสนองความเร้าใจที่รอบการ ทำงานของเครื่องยนต์สูงสุดกว่า 9,000 รอบต่อนาที
ปอร์เช่ สปีดสเตอร์ (Porsche Speedster) รถสปอร์ตที่ถือกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา
ปอร์เช่ สปีดสเตอร์ (Porsche Speedster) สามารถแบ่งแยกย่อยได้หลายรุ่น แต่สิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตน ได้เป็นอย่างดีคือหลังคาเปิดประทุนที่ทำให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศการขับขี่ที่ตอบสนองได้อย่างเร้าใจ ยานยนต์ สายพันธุ์นี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันตั้งแต่ปี 1952 เป็นต้นมา ต้นกำเนิดรถ คันแรกของรุ่นสปีดสเตอร์ (Speedster) คือ 356 1500 America Roadster ด้วยตัวถังอะลูมิเนียมที่ทำขึ้นจากงานฝีมือ มีน้ำหนักเบากว่ารุ่น 356 Coupe ถึง 60 กิโลกรัม สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพละกำลัง 70 แรงม้า เครื่องยนต์ 4 สูบวางนอน นับได้ว่าเป็นรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและน่าประทับใจในยุคนั้น นอกจาก นี้ยังได้ติดตั้งกระจกประตูแบบไร้กรอบ หลังคาประทุนกันฝนแบบพับเก็บได้และเบาะนั่งแบบ bucket seats ที่มีน้ำหนักเบา รถคันนี้ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถันสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกผลิตเพียงแค่ 16 ครั้ง และยัง ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะต่างๆ มากมายสำหรับในรุ่นนี้เท่านั้น
พบกับนิทรรศการและกิจกรรมสุดพิเศษ '70 years Porsche sportscar'
ด้วยการจัดแสดงนิทรรศการสุดพิเศษ ปอร์เช่ภูมิใจนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาและความสำเร็จมากมายตลอดระยะ เวลาอันยาวนาน จากมุมมองและการตัดสินใจอย่างกล้าหาญเพื่อผลักดันและพัฒนายานยนต์สปอร์ตให้ก้าวไปข้างหน้า ตั้งแต่ปี 1948 จนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานนี้คือการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการอันโดดเด่น ของปอร์เช่ตลอด 7 ทศวรรษที่ผ่านมา
ร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบการก่อตั้งองค์กรไปกับปอร์เช่ ด้วยกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นจากทั่วทุกมุมโลกตลอดปี 2018 เริ่มจากวันที่ 9 มิถุนายน บรรดาผู้ชื่นชอบและหลงใหลในยนตรกรรม ปอร์เช่ทั่วโลกได้รับเชิญเข้าร่วมงาน "Sports Car Together Day" ตามมาด้วยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 16-17 มิถุนายน บรรดาทีมงานและบุคลากรของปอร์เช่สำนักงานใหญ่ Zuffenhausen รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานฉลองที่จัดขึ้นทั้งภายในและบริเวณรอบโรงงานเมือง สตุ๊ทการ์ท งานดังกล่าวได้รวบรวมเอากิจกรรมสนุกสนานและความบันเทิงสำหรับทุกเพศทุกวัย
เทศกาลความเร็วระดับโลก "Festival of Speed" ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 กรกฎาคม ที่สนาม Goodwood ประเทศอังกฤษ และการรวมตัวของบรรดารถแรงระดับตำนาน "Rennesport Reunion" ในแคลิฟอร์เนีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 กันยายน นับเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเฉลิมฉลองเช่นกัน นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดแสดงแสงเสียง "Sound Night" ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใน Porsche Arena เมืองสตุ๊ทการ์ท วันที่ 13 ตุลาคมนี้
พบกับภาพประกอบเนื้อข่าวได้ที่ Porsche Newsroom www.newsroom.porsche.com และฐานข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน Porsche press database (www.presse.porsche.de)
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า คาบลิโอเล็ต (Porsche 911 Carrera Cabriolet): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11.7 – 13.3 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 8.5-7.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 195–172 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ 911 จีที3 (Porsche 911 GT3): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.7 – 7.8 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 12.9 - 12.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 290–288 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ 911 GT3 RS (Porsche 911 GT3 RS): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.8 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 12.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 291 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่911 จีที2 อาร์เอส (Porsche 911 GT2 RS): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.4 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 11.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 269 กรัมต่อกิโลเมตร
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name You Can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี