กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,277.21-1,282.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,920 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,030 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.45 น. ของวันที่ 18/06/61)
แนวโน้มวันที่ 19 มิถุนายน 2561
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความร้อนแรงขึ้น หลังสหรัฐประกาศเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐในระดับทัดเทียมกัน การเก็บภาษีภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐและโลก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำมากนัก เพราะดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นใกล้จุดสูงสุดรอบ 7 เดือน อันเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเชิงรุกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แสดงถึงแนวโน้มเชิงผ่อนคลาย รวมทั้งคาดการณ์ว่าการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ในวันพฤหัสบดีอาจจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% เช่นเดิม ทั้งนี้ แม้ว่าราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์จะฟื้นตัวขึ้นได้บ้างหลังจากราคาทองคำร่วงแตะจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือนครึ่งในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การขยับขึ้นค่อนข้างจำกัด เพราะตลาดการเงินจีน, อินโดนีเซีย และไต้หวัน ปิดทำการในวันจันทร์นี้ เนื่องในเทศกาลวันหยุด Dragon Boat Festival นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการประชุม ECB Annual Conference ขึ้นที่เมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส ซึ่งนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ,นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธาน BOJ และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะขึ้นให้ความเห็นทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การควบคุมเงินเฟ้อ และการกำหนดนโยบายการเงินเมื่อการจ้างงานตึงตัว อย่างไรก็ตามราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้น และพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้นักลงทุนมุ่งจุดสนใจไปที่ท่าทีต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยจากผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 20 มิ.ย. ในระยะสั้นราคายังคงผันผวนการเข้าลงทุนต้องไม่ลืมตั้งจุดขายทำกำไรและจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อเพื่อหวังทำกำไรระยะสั้นจากกการดีดตัว โดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,275 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,291 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,275 (19,650บาท) 1,263 (19,500บาท) 1,251 (19,300บาท)
แนวต้าน 1,291 (19,950บาท) 1,300 (20,100บาท) 1,309 (20,250บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,275 (19,810บาท) 1,263 (19,620บาท) 1,251 (19,440บาท)
แนวต้าน 1,291 (20,060บาท) 1,300 (20,200บาท) 1,309 (20,340บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999