กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--เบรนเอเซีย คอมมิวนิเคชั่น
ใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปีมักจะมีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 เวลา 14.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ในตรอกสิบเบี้ย ซอยวาณิช 1 ถนนราชวงศ์ ใกล้ย่านเยาวราช ทั้งนี้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำโดย ดร.ธเนศ วีระศิริ นายก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ คุณจุลดิษย์ จายนียโยธิน กรรมการ สาขาวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย และสาขาวิศวกรรมความปลอดภัย และ คุณนิศิต วนิชรานันท์ วิศวกรอาสาผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและวิเคราะห์อาคารและความปลอดภัยเบื้องต้นที่จุดเกิดเหตุ ร่วมกับ กองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร
ย่านสำเพ็งเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ที่คนไทยรู้จักมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน โดยเป็นแหล่งค้าส่งที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของประเทศไทยตั้งอยู่ที่ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ ใกล้กับถนนราชวงศ์และย่านเยาวราช ในปัจจุบันสำเพ็ง รู้จักกันในชื่อ ซอยวาณิช 1 หนาแน่นด้วยอาคารพาณิชย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขายและเก็บสินค้าเกือบทุกประเภท เช่น ผ้า, สิ่งของที่ทำจากกระดาษ รวมไปถึงของใช้ อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์บางประเภทอีกด้วย
ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) นำทีมวิศวกรอาสาผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติลงพื้นที่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของ วสท. จุดเกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ลักษณะปลูกติดกัน 10 คูหา โดยใช้เป็นโกดังเก็บวัสดุของเด็กเล่น ตรอกมีลักษณะเล็กแคบทำให้การควบคุมเพลิงในวันเกิดเหตุเป็นไปด้วยความยากลำบาก เมื่อเข้าตรวจสอบอาคารทางกายภาพเบื้องต้นเพื่อดูโครงสร้างและลักษณะเฉพาะของคอนกรีตรวมถึงสภาพเหล็กของอาคารไฟไหม้พบว่า โครงสร้างเสา คานและบันไดยังคงรูปใช้งานได้ แต่พื้นชั้น 3-5 เสียหาย โดยใต้ท้องพื้นชั้น 3 แตกเป็นลายงาทั้งหมด ใต้ท้องพื้นชั้น 4 และชั้น 5 มีสภาพหลุดล่อน ถ้าหากเจ้าของอาคารจะใช้งานอาคารนี้ต่อไปควรจะต้องมีการตรวจสอบโดยละเอียดจากหน่วยงานที่มีวุฒิวิศวกรรับรอง สำหรับการขนย้ายในระหว่างนี้ทำได้ในระดับหนึ่งเพื่อเป็นการลดน้ำหนักแบกรับกองวัสดุไหม้ที่อุ้มน้ำจากการดับเพลิงโดยขอให้เดินชิดขอบอาคาร และในการขนย้ายไม่ควรใช้คนจำนวนมากเข้าในอาคารเพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักลงบนพื้นที่มีความบกพร่องอยู่ ส่วนอาคารข้างเคียงนั้นไม่ได้รับผลกระทบในส่วนของโครงสร้าง
วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ยังเสนอแนะแนวทางความปลอดภัยแก่ประชาชนในการป้องกันการเกิดอัคคีภัย คือ อาคารพาณิชย์และที่พักอาศัยทั่วไปควรจะมีการตรวจสอบสภาพของสายไฟทุกๆ 5 ปีเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนในชีวิตประจำวันซึ่งเราใช้อุปกรณ์เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือทุกประเภทนั้นควรจะถอดออกเมื่อไม่มีการใช้งาน หรือในช่วงเวลาที่ไม่มีคนอยู่ในบ้าน ซึ่งควรตรวจสอบเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีการจุดประทัด จุดธูปเทียน หรือการเผากระดาษตามประเพณี ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อประกอบพิธีเสร็จควรจะมีการดับและดูแลความปลอดภัยก่อนที่จะออกจากบ้านในช่วงวันหยุดยาว