กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
- มุ่งเน้นการรุกทำตลาดรถยนต์และพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเต็มที่
- ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
- เดินหน้าทำให้การผนึกกำลังกับพันธมิตรเกิดประโยชน์สูงสุด
นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ประกาศวิสัยทัศน์สอดคล้องกับแผนระยะกลางระดับโลกของนิสสันในชื่อ M.O.V.E 2022 ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2560
ภายใต้แผนงานเพื่อการเติบโตดังกล่าว นิสสัน คาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ปรับปรุงอันดับของนิสสันในด้านความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้การผนึกกำลังพันธมิตรเกิดประโยชน์สูงสุด
"นิสสันเป็นแบรนด์ยานยนต์ที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ และเรามีวิสัยทัศน์ที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปนับตั้งแต่วันนี้จนถึงปี พ.ศ. 2565" มร. อันตวน บาร์เตส ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว
มร. บาร์เตส กล่าวเพิ่มเติมว่า นิสสันพร้อมเดินหน้าสู่อนาคตด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ลูกค้าเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทยไปจนถึงการลงทุนพัฒนาผู้จำหน่าย ประเทศไทยยังมีความสำคัญมากขึ้นในฐานะที่เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนสู่การเติบโตในระดับโลก พร้อมกับเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคและเป็นสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคของนิสสัน ซึ่งทั้งหมดช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ในอนาคตของบริษัทฯ
ประธานของนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า นิสสันลงทุนไปมากกว่า 4.4 พันล้านบาทในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาและส่งออกรถยนต์มากกว่า 880,000 คันไปยังกว่า 114 ประเทศในช่วง 10 ปีหลัง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพของการผลิตรถยนต์ของนิสสันและทำให้นิสสันมีตำแหน่งที่มั่นคงสำหรับอนาคต
"นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) มีแผนงานที่แข็งแกร่งและวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต โดยวิสัยทัศน์ระยะ 5 ปีของเราสอดคล้องเป็นอย่างดีกับแผนงานของนิสสันในระดับโลกที่มีชื่อว่า M.O.V.E 2022 ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมยานยนต์ (Mobility), ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน (Operational Excellence), การให้ความสำคัญกับลูกค้า (Value to Customers) และระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (Electrification)" มร. บาร์เตสกล่าว
นิสสันได้เปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ นิสสัน นาวารา ปี 2018 ซึ่งเป็นรถกระบะรุ่นเดียวในประเทศไทยที่มาพร้อมกล้องมองรอบทิศทาง (Around View Monitor) รวมถึงจีที-อาร์ รถซูเปอร์สปอร์ตของนิสสัน พร้อมกับจะเดินหน้าผนึกกำลังกับมิตซูบิชิในด้านการจัดซื้อ การขนส่ง และการบริการด้านอื่นๆ
แผนงานดังกล่าวยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการมอบการบริการที่เหนือกว่าความคาดหมายของลูกค้าด้วยการลงทุนพัฒนาและปรับปรุงผู้จำหน่าย รวมถึงโชว์รูมNissan Retail Environmental Design Initiative (NREDI) เพื่อมอบการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก และเดินหน้าตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยการแนะนำนิสสัน ลีฟ ใหม่ภายในปีงบประมาณนี้
"สำหรับการดำเนินงานในอนาคต นิสสันคาดการณ์ว่า ด้วยสภาพตลาดปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมจะมีความมั่นคงและมีอัตราเติบโตสูงขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ในปีงบประมาณ 2561 ของเรา (เดือนเมษายน พ.ศ. 2561 – มีนาคม พ.ศ. 2562) เราคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 950,000 คัน ด้วยแนวโน้มด้านบวกเช่นนี้ ผมมั่นใจว่ายอดขาย ส่วนแบ่งตลาดและจำนวนการผลิตจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง" มร. บาร์เตสกล่าว
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 190 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.O.V.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.6 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube