กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เข้าร่วมงานมหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย 2561 (Sustainable Energy Technology Asia หรือ SETA) เพื่อนำเสนอแนวโน้มและอนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มร.ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายข้อมูลจากผลงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" (Future of Electric Vehicles in South East Asia) จากความร่วมมือระหว่าง นิสสัน และฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) องค์กรที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก
นิสสันร่วมกับฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ทำการวิจัยเกี่ยวกับ อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกลุ่มตัวอย่างจากประเทศไทย 300 คน โดยผลงานวิจัยเผยให้เห็นว่ปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่น้อย แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้เกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีมากมาย อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (Full Hybrid) และรถยนต์นิสสัน อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นต้น
"สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่า ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีสูงถึงร้อยละ 44 ผู้ที่ตอบแบบสอบถามเห็นว่า พวกเขาจะพิจารณารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในการวางแผนเพื่อซื้อรถคันต่อไป" มร.แกลลี กล่าว
การวิจัยยังพบว่าผู้คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมจะมีผลต่อความสนใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีความตั้งใจที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งผู้ที่จะเป็นลูกค้าพร้อมที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เพื่อครอบครองรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากกว่ารถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป
"นี่ถือเป็นสิ่งที่บอกได้อย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยพร้อมสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน และนิสสันมีความพร้อมในการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทย" มร.แกลลีกล่าว
ปัจจัยสำคัญในกาก้าวสู่ยุคของการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย คือ การมีมารตรฐานความปลอดภัย การได้รับความในการชาร์จไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่ไม่สูงมาก
ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ ที่ผลการสำรวจระบุให้ปัจจัยของ "คะแนนความปลอดภัยขั้นสูงสุดหรือระดับ 5 ดาว" เป็นสิ่งที่อยากได้มากที่สุดหากจะซื้อ หรือเช่าซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยร้อยละ 62 ของผู้เข้าร่วมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อยู่ในสามอันดับแรก ในขณะที่ร้อยละ 58 มองหา "การใช้เวลาที่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้เต็ม"
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ทำให้เป็นอุปสรรคในการตัดสินใจเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สำหรับนิสสัน มี ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยยอดจำหน่ายมากกว่า 340,000 คันทั่วโลก ตั้งแต่ออกสู่ตลาดในปี พ.ศ. 2554 บริษัทฯ จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พร้อมจะแบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจ
"นิสสัน ประเทศไทย มีวิสัยทัศน์ที่จะสนับสนุน อนาคตของการขับขี่ที่ยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นอย่างสูงที่จะพลิกโฉมรูปแบบการขับขี่ และการใช้ชีวิตของทุกคน โดยเราตั้งใจสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการให้ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้คนมากมายหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า" มร.แกลลี กล่าวเสริม
สำหรับนิสสันยังคงเดินหน้าแสดงความเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นที่ประจักษ์ภายในงานมหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย หรือ SETA ครั้งล่าสุดนี้ ผ่านวิสัยทัศน์ในเรื่องของ ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ที่ก้าวล้ำมากขึ้นเพื่อมอบสิ่งที่ดีกว่าให้กับโลกใบนี้ และนิสสันยังเดินหน้าพัฒนารถยนต์ประหยัดน้ำมัน อย่างหลากหลายรูปแบบสู่ตลาด ภายใต้แนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ที่เป็นแนวทางหลักในการพัฒนา เพื่อส่งมอบยานยนต์ที่มีคุณภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่เหนือความคาดหมายสู่กลุ่มลูกค้า"
งานมหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย หรือ SETA ได้รวบรวมผู้คนมากมายจากหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ส่วนสำคัญของงานคือการอภิปรายเรื่องเทคโนโลยีด้านพลังงาน ซึ่งนิสสันถือป็นผู้นำในเรื่องนี้ของอุตสาหกรรมยานยนต์
และด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาสังคมแบบยั่งยืน นิสสัน คือผู้นำในเรื่องนวัตกรรมด้านพลังงานและเทคโนโลยี โดยเห็นได้ชัดจากการสร้างยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยภายใต้แนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility)
เมื่อเร็วๆนี้ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ประกาศแผนในการนำ นิสสัน ลีฟ ใหม่ มาจำหน่ายในประเทศไทยสำหรับผู้ที่สนใจใน สามารถชม นิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก และรถยนต์นิสสันรุ่นยอดนิยมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ที่บูธนิสสัน ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 8 เมษายน 2561 หรือที่ www.nissan.co.th.
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 190 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2559 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.63 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.72 ล้านล้านเยน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.OV.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันมีพนักงานทั่วโลกจำนวน 247,500 คน ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ภายใต้พันธมิตร เรโนลต์ – นิสสัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และในปี พ.ศ. 2559 นิสสันได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิ จนได้เข้าร่วมพันธมิตรเป็นสมาชิกรายที่สาม ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันสูงระดับ 10 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และการขนส่งเพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทาง nissan-global.com Facebook, Instagram, Twitter and LinkedInพร้อมรับชมวีดีโอล่าสุดได้ที่ YouTube