กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
ผ่านพ้นไปอย่างสวยงามสำหรับงาน "สตาร์ทอัพไทยแลนด์ 2018" ที่จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ปีนี้มาในคอนเซปต์ Endless Opportunities หรือโอกาสที่ไม่สิ้นสุดของเหล่านักคิดและนักนวัตกรรม สำหรับกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นบทพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า แพลตฟอร์มในการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ของประเทศไทยได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย และยังเกิดโซลูชั่นที่ช่วยตอบสนองความต้องการของการใช้ชีวิตในยุคใหม่แบบไม่รู้จบ นอกจากนี้ หลายๆคนที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน คงจะเห็นพ้องต้องกันว่า จักรวาลสตาร์ทอัพไทยไม่ได้มีการเติบโตเพียงแค่ระดับปริมาณเท่านั้น แต่ในด้านคุณภาพก็ก้าวกระโดดไปอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งประดิษฐ์ แอปพลิเคชั่น เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงหลากหลายบริการที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น และในวันนี้จะขอเอาใจผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ชีวิตแบบซิมเปิ้ล ด้วยการพาไปส่องผลงานจากกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่จะช่วยให้ชีวิตมีความง่ายและสะดวกสบาย จะมีอะไรบ้างนั้นไปทำความรู้จักพร้อมกันได้เลย
เริ่มกันที่ Local alike (โลคอล อไลค์) บริการเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลการดื่มด่ำชีวิตท่ามกลางธรรมชาติและชุมชน โดยบริการนี้เป็นการออกแบบทัวร์ที่ประสานความร่วมมือจากชาวบ้าน และคนในชุมชนให้ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดโปรแกรมพร้อมนำเที่ยวด้วยตนเอง ผ่าน 70 ชุมชนที่น่าสนใจทั่วประเทศ ซึ่งมีรูปแบบทั้งOvernight (ค้างคืน) และ One Day Trip (เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ) มีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเรียนรู้วัฒนธรรม การศึกษาเส้นทางธรรมชาติ การร่วมทำอาหาร – ผลิตภัณฑ์ชุมชน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม บริการดังกล่าว นอกจากจะให้ประโยชน์ในด้านประสบการณ์และความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวแล้ว Local alike ยังช่วยกระจายรายได้ไปสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านรู้จักที่จะพึ่งพาตนเอง พร้อมเกิดองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น นอกจากนี้ ยังถือเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพตัวอย่างที่น่าทำตาม เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ในทางธุรกิจแล้ว ยังส่งผลลัพธ์ไปสู่สังคมอีกด้วย
เบลลัคค์ บริการรับ-ส่งกระเป๋าเดินทางและสัมภาระต่างๆระหว่างสนามบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ต่างๆ ภายใน 1 วัน สำหรับบริการนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวประหยัดเวลาในการเดินทางที่จะนำกระเป๋าไปฝากที่โรงแรม หรือเดินทางกลับไปรับกระเป๋าก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน และยังมีบริการรับฝากกระเป๋าฟรีสูงสุด 15 วัน สำหรับผู้ใช้บริการขนส่งควบคู่กันไปอีกด้วย สำหรับผู้ที่เป็นกังวลในเรื่องของความปลอดภัย เบลลัคค์มีระบบการติดตามกระเป๋าและสัมภาระตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้รับความคุ้มครองประกันสูงถึง 50,000 บาททันที ในกรณีที่เกิดความเสียหาย สูญหาย หรือแม้แต่ไฟไหม้ ส่วนใครที่อยากจะเดินทางไปต่างประเทศ บริการนี้ยังครอบคลุมไปถึง กรุงโซล เกาหลีใต้ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน และฮ่องกง อีกด้วย
หมดกังวลเรื่องการค้าออนไลน์ไปกับ โซโกะจัง บริการสำหรับเจ้าของกิจการที่กำลังเจอปัญหาที่เก็บสินค้าไม่มีหรือไม่พอ แพ็คสินค้าไม่ทันส่ง หรือลูกค้ารอสินค้านานเกินไป เพียงแค่ส่งคำสั่งซื้อออนไลน์มาที่โซโกะจัง ก็จะช่วยทั้งบรรจุหีบห่อสินค้าด้วย บรรจุภัณฑ์มาตรฐาน จัดส่งสินค้าโดยตรงจากคลังสินค้าไปยังมือผู้บริโภคภายใน 48 ชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และใช้เวลา 3 -5 วันสำหรับจังหวัดอื่นทั่วประเทศ จากนั้นเจ้าของกิจการก็จะได้รับข้อมูลการจัดส่งการอัพเดทสถานะแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ บริการนี้ยังจะช่วยให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์มีเวลาในการขายของ ขยายฐานผู้ซื้อ และโปรโมทธุรกิจได้มากขึ้นอีกด้วย
หาพนักงานคุณภาพดี เริ่มที่ เด็กฝึกงานดอทคอม คงจะดีไม่น้อยถ้าแต่ละบริษัทได้เด็กฝึกงานที่มีคุณภาพและความรู้ เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ และคงจะดีมากขึ้นไปอีก หากเรามีตัวช่วยในการคัดกรองนักศึกษาจากที่ตรงกับสายงานกว่า 30,000 คน จากทุกสถาบันทั่วประเทศ สำหรับโซลูชั่นในการบริการของเด็กฝึกงานดอทคอม จะทำการคัดกรองนักศึกษาในสาขาต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการขององค์กรหรือบริษัท เพื่อให้หน่วยงานได้เด็กฝึกงานที่มีคุณสมบัติตรงกับสายงานมากที่สุด ในขณะเดียวกันยังช่วย ให้นักศึกษาที่กำลังมองหาสถานที่ฝึกงาน ได้รับโอกาสดีๆที่จะฝึกงาน หรือทำงานพาร์ทไทม์กับองค์กรที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม บริการดังกล่าว นอกจากจะมีความรวดเร็วทันใจแล้ว ยังช่วยในการลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา แบ่งเบาภาระฝ่ายบุคคล และไม่คิดค่าบริการจนกว่าจะพอใจ
ข้ามมาเอาใจคนรักสุขภาพกันบ้างกับ OCARE บริการตรวจสุขภาพที่พร้อมส่งตรงถึงบ้านและที่ทำงาน ทำให้ไม่ต้องเดินทางและไม่ต้องรอนาน มีคุณหมอมาตรวจให้ถึงที่ และภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงก็สามารถรับผลบันทึกสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที สำหรับแพ็กเกจการตรวจสุขภาพมีรูปแบบทั้งการตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจโรคยอดฮิต อาทิ มะเร็ง เบาหวาน และการตรวจความผิดปกติเฉพาะอย่าง โดยขั้นตอนการทำงานจะเริ่มหลังจากที่ผู้ใช้บริการซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพบนเว็บไซต์ จากนั้นจะมีพยาบาลวิชาชีพและนักเทคนิคการแพทย์ รวมถึงแพทย์เฉพาะทางเดินทางมาที่บ้านหรือที่ทำงาน เพื่อทำการเก็บตัวอย่างจากเลือดปัสสาวะ หรืออื่นๆ ตามด้วยการตรวจสุขภาพซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที ทั้งนี้ บริการดังกล่าวช่วยให้ประหยัดเวลา และขั้นตอนในการตรวจสุขภาพตั้งแต่เริ่มจนถึงขั้นตอนสุดท้ายได้เกินครึ่ง รวดเร็วทันใจในด้านผลการตรวจ และยังนับว่าเป็นโซลูชั่นที่น่าสนใจที่เชื่อว่าจะช่วยให้คนไทยหันมาใส่ใจการตรวจสุขภาพกันมากขึ้น
ขยับมาที่บริการเพื่อคนที่มีอสังหาริมทริพย์กับ 2 ตัวช่วยดีๆอย่าง Homeprise และ VR Real Estate สำหรับ Homeprise เป็นแพลตฟอร์มตกแต่งบ้านแบบใหม่ ที่ช่วยตกแต่งบ้านและคอนโดได้เสมือนจริงผ่านแอปพลิเคชั่น โดยมีเทคโนโลยี AR หรือ Argumented Reality ให้คนทั่วไปใช้แต่งบ้านเองได้อย่างง่ายดาย เพียงเปิดแอปพลิเคชั่น ก็จะสามารถเห็นรูปแบบการตกแต่งบ้านที่มีฉากหลังเป็นพื้นที่ห้องของผู้ใช้บริการจริงๆ ซึ่งจะช่วยให้รู้ทันทีว่า ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โซฟา ตู้ หรือของแต่งบ้านที่สนใจ เมื่อนำมาจัดวางรวมกันแล้วลงตัวกับพื้นที่จริงหรือไม่ และภาพรวมสวยได้ตรงใจโดยที่ยังไม่ต้องลองเสี่ยงซื้อสินค้าจริงมาวัดดวงแบบที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ เมื่อเจ้าของบ้านหรือเจ้าของห้อง เลือกสินค้ามาลองวางในพื้นที่ ของทุกชิ้นที่ถูกตกแต่งบนเว็บไซต์หรือบน หน้าจอมือถือยังสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงจากแหล่งขายสินค้าเหล่านั้นได้อีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งบริการที่มีชื่อว่า VR Real Estate หรือระบบเทคโนโลยีความจริงเสมือนสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบริการดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการ ทดแทนเครื่องมือนำเสนอขายแบบเก่าๆ โดยเฉพาะโมเดลบ้านพลาสติกที่มีราคาสูง รวมถึงโบรชัวร์ที่อาจยังไม่มีความสมจริงหรือจินตนาการภาพไม่ออก เพื่อทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้น จากการได้เห็นและเดินในบ้าน หรือคอนโดมิเนียมที่มีความเสมือนจริงทุกมุม ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ หรือแสงเงาที่ตกกระทบภายในห้อง และยังทำได้แม้กระทั่งการเปิด – ปิดสวิตช์ไฟ รวมถึงการเคลื่อนย้ายสิ่งของตามที่ต้องการ
ปิดท้ายที่แพลทฟอร์มเพื่อความสะดวกสบายในการขนส่งและการเดินทาง "Liluna" บริการแชร์พื้นที่สำหรับผู้เดินทางที่มีจุดหมายเดียวกัน สำหรับ Liluna คือแอปพลิเคชั่นแชร์ค่าเดินทางลักษณะ carpool โดยที่จะไม่มีการจองหรือเรียกรถยนต์โดยสารไปรับ หรือให้ไปส่งแต่อย่างใด เพียงแจ้งจุดเริ่มต้นการเดินทางและจุดหมายปลายทาง และรอผู้ร่วมเดินทางเข้ามาตอบรับ จากนั้นเมื่อได้รถและคนที่จะเดินทางด้วยกันแล้ว ค่าบริการก็จะหารกันตามจำนวนคนที่ไปด้วยกัน โดยคิดค่าบริการตามความเป็นจริง แต่ถ้าผู้ที่ต้องการเดินทางเห็นว่าค่าเดินทางแพงเกินไปก็สามารถปฏิเสธได้ทันที ทั้งนี้ หากมองประโยชน์ของ Liluna พบว่า บริการดังกล่าวไม่เหมือนกับแอปพลิเคชั่นจองรถโดยสารทั่วไป เนื่องจากช่วยได้ทั้งการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องจ่ายคนเดียว ช่วยลดปัญหาการจราจร ประหยัดพลังงาน รวมถึงมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างมิตรภาพใหม่ๆระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า กิจกรรมสตาร์ทอัพ ไทยแลนด์ 2018 ปีนี้ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า คนทั่วไปหันมาให้ความสนใจและมองเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์กับวิถีชีวิตที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับในส่วนของสตาร์ทอัพด้านบริการปีนี้และปีต่อๆไปเชื่อว่ายังคงมีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มการท่องเที่ยว การเดินทาง ธุรกิจเพื่อสังคม การซื้อขายออนไลน์ การบริการจากภาครัฐ รวมถึงด้านการเงิน ที่ยังคงจะได้รับความนิยมและมีโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ช่วยให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบายกันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสตาร์ทอัพของ NIA ก็จะมุ่งผลักดันให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าว เร่งปรับโซลูชั่นและความสามารถการแข่งขันให้เติบโตทั้งในระดับประเทศและโกลบอล พร้อมขยายช่องทางให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่ง NIA มีความพร้อมทั้งในด้านการสร้างเครือข่าย ระบบนิเวศ ทุนสนับสนุน การฝึกอบรม – ปฏิบัติพัฒนาความสามารถเพื่อการนำไปต่อยอดธุรกิจ ตลอดจนการส่งเสริมในเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่ในปีนี้รวมถึงปีถัดไป จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทั้งผู้ประกอบการ บุคคลทั่วไป และเยาวชน ได้มีโอกาสเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวคิด Endless Opportunities
สำหรับผู้ประกอบการ หรือผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0175555 เว็บไซต์www.nia.or.th หรือ facebook.com/niathailand