กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--ปตท.สผ.
- การเข้าซื้อเสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้มีสัดส่วนในแหล่งบงกชเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 66.6667
- ปริมาณการขายปิโตรเลียมโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
- สะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกชต่อไป พร้อมเดินหน้าประมูล สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศต่อเนื่อง
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าการเข้าซื้อหุ้นในแหล่งบงกชจากบริษัทในเครือของกลุ่มเชลล์ในสัดส่วนร้อยละ 22.2222 ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาการโอนสิทธิสัมปทานเมื่อเดือนมกราคม 2561 นั้นมีผลสมบูรณ์แล้ว โดยได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 และทุกฝ่ายได้ลงนามในสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (Supplementary Petroleum Concession) แล้วเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกชเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 66.6667
การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกชเป็นไปตามกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ที่แสวงหาการลงทุนใหม่ โดยการเข้าซื้อกิจการ เพื่อรองรับการเติบโตและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยให้กับ ปตท.สผ. ประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันได้ทันที และที่สำคัญยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งก๊าซฯ บงกชในปัจจุบัน ที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลเพื่อเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกชต่อไป
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. กล่าวว่า "ปตท.สผ. มีประสบการณ์และความชำนาญในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งบงกชซึ่งเราเป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี และดำเนินงานโดยคนไทยเกือบ 100% เรามั่นใจว่าจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของภาครัฐด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และให้ผลประโยชน์กับประเทศได้มากกว่า จึงขอย้ำว่า ปตท.สผ. ซึ่งเป็นบริษัทไทยจะเข้าร่วมประมูลทั้งแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ เพื่อสร้างความต่อเนื่องและความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ นอกจากการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณแล้ว ปตท.สผ. ยังมุ่งแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ จากการเข้าซื้อกิจการ โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาสินทรัพย์ที่ผลิตแล้วหรือที่กำลังเริ่มผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกลาง ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท
เกี่ยวกับโครงการบงกช
โครงการบงกชเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย ประกอบด้วย แปลงบี 15 แปลงบี 16 แปลงบี 17 และแปลงจี 12/48 โดย ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการ และถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 66.6667 และมีบริษัท โททาล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันชั้นนำจากฝรั่งเศสเป็นผู้ร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 33.3333 ปัจจุบันมีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 841 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และคอนเดนเสทประมาณ 27,000 บาร์เรลต่อวัน (ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561) โดยเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ ช่วยทดแทนการนำเข้า และลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ซึ่งก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากแหล่งบงกช คิดเป็นร้อยละ 30 ของการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ภายในประเทศ
แหล่งบงกชยังเป็นแหล่งก๊าซฯ แห่งแรกที่บริษัทคนไทยเป็นผู้ดำเนินการ โดยกำลังจะครบรอบการผลิต 25 ปีในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของคนไทยในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้อย่างมีประสิทธิภาพทัดเทียมบริษัทน้ำมันนานาชาติ
นอกจากนี้ ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกชยังช่วยผลักดันอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยและเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่สำคัญของปิโตรเคมี รวมถึง ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือนและอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ