กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI โชว์ผลสำรวจพฤติกรรมผู้เข้าชมงาน Bangkok International Motor Show 2018 พบในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ตั้งใจมาเพื่อชมนวัตกรรมและมีความตั้งใจจองซื้อรถยนต์ คิดเป็น 27.5% และ 25.2% ตามลำดับ และส่วนใหญ่วางแผนซื้อรถภายในปีนี้มากที่สุดถึง 38.5% และอีก 10% วางแผนซื้อรถในปีหน้า ด้านผู้บริหาร GPI ระบุภาพรวมการจำหน่ายรถยนต์ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 18% ส่วนการส่งออกรถยนต์เติบโต 5.27% ขณะที่ค่ายบีเอ็มดับเบิลยูและเมอร์เซเดส-เบนซ์ มองแนวโน้มตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพงานมอเตอร์โชว์
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตลาดและการขาย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำการสร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมยานยนต์และการจัดกิจกรรมครบวงจรเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
ยานยนต์ไทยสู่นานาชาติ เปิดเผยว่า จากภาพรวมงาน Bangkok International Motor Show 2018 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมียอดจองรถซื้อรถยนต์ภายในงานรวม 42,499 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 36,587 คัน และจักรยานยนต์ 5,912 คัน โดยค่ายรถหรูอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยู มียอดจองเป็นอันดับที่ 5 และอันดับที่ 11 ตามลำดับ ส่วนค่ายโตโยต้า ฮอนด้าและมาสด้า มียอดจองสูงสุด 3 อันดับแรก
นอกจากนี้ ยังเป็นงานที่มีการจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์มากมาย ทั้งการเปิดตัว Concept Car หรือรถยนต์ต้นแบบจากผู้ประกอบการ 3 ราย ได้แก่ ค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย, FOMM และ Mine Car และการเปิดตัว Concept Bike จากผู้ประกอบการอีก 2 ราย ได้แก่ ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ และ Fomm AWD การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากผู้ประกอบการ 4 ราย ได้แก่ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย, เอ.พี.ฮอนด้า (จักรยานยนต์ EV), บีวายดี (BYD) และฮุนได รวมถึงมีการเปิดรถยนต์และจักรยานยนต์รุ่นใหม่รวม 6 ราย อาทิ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย, บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, ฟอร์ด ประเทศไทย ฯลฯ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ที่เปิดตัวจักรยานยนต์ EV รวมถึงมีการนำเสนอรถยนต์และจักรยานยนต์ที่เป็นไฮไลท์กว่า 60 รุ่น
ความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ สอดคล้องพฤติกรรมของผู้เข้าชมงานในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการทำแบบสอบถามผ่านระบบออฟไลน์และออนไลน์ของผู้เข้าชมงานที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการจัดเก็บข้อมูล 41,553 คน จากผู้เข้าชมงานทั้งหมดประมาณ 1.6 ล้านคน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนสูงถึง 30.7% รองลงมาเป็นเจ้าของธุรกิจ 27.4% ข้าราชการหรือผู้ที่ทำงานรัฐวิสาหกิจ 16.6% ที่เหลือประกอบอาชีพอิสระ 16% หรือ 6,645 คนและนักเรียน/นักศึกษา 9.3%
ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 15,000-30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 30.8% รองลงมามีรายได้ระหว่าง 30,001-60,000 บาทต่อเดือน จำนวน 29.4% และมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน จำนวน 14.6% ส่วนรายได้อยู่ในช่วง 100,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน คิดเป็น 12.8% และมีรายได้ระหว่าง 60,001-100,000 บาทต่อเดือน มีสัดส่วน 12.4% ซึ่งฐานข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวนั้นสะท้อนว่ากลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางนั้นให้ความสนใจเข้ามาชมงานมอเตอร์โชว์มากที่สุด
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เข้าร่วมงานในปีนี้ เพื่อต้องการเข้ามาชมนวัตกรรมยานยนต์ คิดเป็น 27.5% เพื่อซื้อรถยนต์ 25.2% และมาเพื่อเปรียบเทียบราคาหรือโปรโมชั่น 17.5% ส่วนที่เหลือมาเพื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ 13.2% เพื่อซื้อจักรยานยนต์ 11.3% และเพื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งจักรยานยนต์จำนวน 5.3% สะท้อนว่าผู้ชมงานส่วนใหญ่มีความต้องการที่จะซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์และชุดตกแต่ง โดยเปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่นภายในงานก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ หากเจาะลึกถึงระยะเวลาที่จะซื้อจากกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีแผนซื้อรถภายในปีนี้มากที่สุด 38.5% รองลงมาคือยังไม่มีกำหนดเวลาซื้อรถชัดเจน 33.1% ส่วนที่วางแผนซื้อรถภายในงานมีสัดส่วน 18.4% และส่วนที่เหลืออีก 10% วางแผนซื้อในปีหน้า ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนคนที่มีชมงานมอเตอร์โชว์ส่วนใหญ่มีแผนซื้อรถภายในปีนี้
"จากการเก็บแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างในครั้งนี้บ่งบอกถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ที่มีแนวโน้มสดใส เนื่องจากผู้บริโภคมีความตั้งใจจะออกรถยนต์หรือจักรยานยนต์คันใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน" นายจาตุรนต์ กล่าว
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI กล่าวว่า งาน Bangkok International Motor Show 2018 เป็นงานมหกรรมจัดแสดงยานยนต์ระดับโลกที่มีส่วนร่วมในการผลักดันยอดขายรถยนต์ภายในประเทศและร่วมขับเคลื่อนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมหลักที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นงานที่ค่ายผู้ผลิตรถชั้นนำใช้เป็นเวทีเปิดตัวรถรุ่นใหม่และจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายภายในงาน โดยการจัดงาน Bangkok International Motor Show ในปีหน้า ซึ่งเป็นครั้งที่ 40 นั้น บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์การจัดงานให้มีความยิ่งใหญ่เพื่อขานรับอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 2561) พบว่ามียอดจำหน่ายรถยนต์ถึง 401,264 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18% และมียอดส่งออกรถยนต์ 466,676 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.27% ซึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับค่ายรถยนต์เปิดตัวรถรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นและจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นการขาย จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีต่อภาพรวมการจำหน่ายรถยนต์ในครึ่งปีหลังที่จะเติบโตได้ดี พร้อมทั้งมีการปรับเพิ่มเป้าหมายยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้เป็น 920,00-950,000 คัน จากเดิม 900,000 คัน ส่วนการส่งออกรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะชะลอตัวเล็กน้อยจากปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน
มร.คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู เนื่องจากมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมการผลิตรวมถึงการทำตลาด โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่บีเอ็มดับเบิลยูให้ความสำคัญ ในช่วงที่ผ่านมาจึงเข้าร่วมงาน Bangkok International Motor Show มาอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่างานดังกล่าวเป็นงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์ที่มีความยิ่งใหญ่และได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานการจัดงานในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยูจึงใช้งานนี้เป็นเวทีเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และนำเสนอรถยนต์รุ่นต่างๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูที่อยู่ระหว่างการทำตลาด เพื่อแนะนำเทคโนโลยีด้านยานยนต์ที่เป็นนวัตกรรมที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ชมงาน
ทั้งนี้ บริษัทฯ สามารถปิดยอดขายรถภายในงาน Bangkok International Motor Show 2018 ที่ผ่านมา ได้ 1,472 คัน ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีปัจจัยมาจากภาพรวมกำลังซื้อรถยนต์ในประเทศที่ฟื้นตัว และยังได้รับการสนับสนุนที่ดีจากบริษัทแม่ในการจัดแสดงรถและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในงาน Bangkok International Motor Show 2018 โดยบริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่จะมีแนวโน้มขยายตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อโอกาสการเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
ด้านนายอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่บริษัทฯ เข้าร่วมออกบูธในงาน Bangkok International Motor Show 2018 เนื่องจากเป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นค่ายผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำจึงใช้โอกาสนี้เพื่อนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ตลอดจนนำเสนอเทคโนโลยีด้านยานยนต์ที่จะเป็นเทรนด์ในอนาคต ให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงใช้งานนี้ในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ สู่สายตาประชาชน ดังนั้นเมเซอร์เดส-เบนซ์จึงมีความมั่นใจที่จะเข้าร่วมงานในอนาคต โดยการเข้าร่วมงานที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพึงพอใจในการร่วมออกบูธในงาน Bangkok International Motor Show 2018 ที่ผ่านมา โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดขายรถที่เกิดขึ้นภายในงาน 2,297 คัน นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) มีมุมมองที่ดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีเช่นเดียวกับในช่วง 4-5 เดือนแรก