กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--
- ภาพรวมธุรกิจอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ในปี 2018 มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเฉพาะหัวกล้อง มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจากความนิยมการนำระบบกล้องวงจรปิดมาใช้อย่างแพร่หลาย โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี
- ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 5 บริษัทผู้นำในประเทศไทย ที่เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล โดยคาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้าน Security Solutions ของประเทศไทย
- สัดส่วนรายได้ของกรุงเทพ โอเอ คอมส์ ปี 2561 แบ่งเป็น หัวกล้องวงจรปิด 70% และระบบโซลูชั่น 30% ตั้งเป้าอีก 5 ปี จะแบ่งเป็นสัดส่วน 50/50
งาน Bangkok OA Coms Solutions Day 2018 เป็นงานที่จัดขึ้นทุกปี โดยเชิญลูกค้าที่เป็น พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ตัวแทนจำหน่าย System Integrator (SI) มาร่วมงานในภาคเช้า เพื่อแถลงผลงานในปีที่ผ่านมารวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้รับทราบ ส่วนในภาคบ่ายจะเป็น การเชิญลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ มาร่วมชมการสาธิต Live Demo ที่มีการติดตั้งและใช้งานจริง เพื่อสาธิตให้เห็นว่าการนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาพัฒนาปรับใช้นั้นสามารถทำได้ในรูปแบบต่างๆได้จริง
ในงานนี้ได้รับเกียรติ จาก ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน กลุ่มงานโครงการพิเศษ และผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม (DEPA) มาเล่าสถาณการณ์ปัจจุบันกับการพัฒนาเมือง ให้เป็น SMART CITY ตามแบบแผนการพัฒนาประเทศของรัฐบาล รวมทั้งจะมีการสาธิต นวัตกรรมใหม่ๆ ดังนี้ VIZII – Video Analytic for Retail, 360iq – Retail Solutions, Digifort Synopsis, LPR, Face Recognition, illegal Lane Change, PAKING Parking Solution, Mobile / Transport Solution
ดร.เดช เฉิดสุวรรณรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด กล่าวว่า "ภาพรวมธุรกิจอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ในปี 2018 มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเฉพาะหัวกล้อง มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจากความนิยมการนำระบบกล้องวงจรปิดมาใช้อย่างแพร่หลาย ปัจจุบันมีการนำไปใช้ในครัวเรือนมากขึ้น ที่แต่เดิมใช้เฉพาะกับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น รวมทั้งอันตรายจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย (Terrorist) ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ ความนิยมการนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาใช้เพิ่มมากขึ้น โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 15% ต่อปี ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการทำยอดขายระบบกล้อง โทรทัศน์วงจรปิด โดยได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ เช่น CPAll, 7-Eleven ร้านอาหารในเครือเอสแอนด์พี ร้านอาหารในเครือโออิชิ กรุ๊ป และร้านอาหารในเครือไมเนอร์กรุ๊ป เป็นต้น ฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้รับความไว้วางใจจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์, ศูนย์การค้าเมกาบางนา, ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ศูนย์การค้า Terminal 21 ที่บริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัดได้รับความ ไว้วางใจให้เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์หลัก โดยใช้ผลิตภัณฑ์ WISENET อีกด้วย ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 5 บริษัทผู้นำในประเทศไทย ที่เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล โดยคาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้าน Security Solutions ของประเทศไทย เนื่องจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบ Business Model จากเดิม ที่จำหน่ายเฉพาะหัวกล้องโทรทัศน์วงจรปิด มาเป็นการเชื่อมโยงกล้องเข้ากับอุปกรณ์อัตโนมัติอื่นๆ รวมทั้งการเชื่อมโยงกับระบบซอฟแวร์ควบคุม และวิเคราะห์ รวมไปถึงการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และ ไปถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligent) เป็นต้น"
ในส่วนของแผนการตลาดของบริษัทฯ จะนำระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาใช้ เพื่อตอบโจทย์ด้าน Security ให้มากขึ้นต่อไปอีก โดยครอบคลุมทั้งสามด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม โดยในด้านเศรษฐกิจ ก็จะมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของการบริการ การขาย ในร้านค้าปลีก เพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยในการบริหารจัดการร้าน และ ตรวจสอบการทำงานให้เป็นไปตาม มาตรฐานที่กำหนด ขณะเดียวกันให้สามารถเพิ่มยอดขาย และตรวจสอบยอดขาย หรือ วิเคราะห์ ในเชิงสถิติเพื่อนำมาปรับปรุงให้สามารถทำยอดขายให้ประสบผลกำไร นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มุ่ง ไปขยายตลาดด้านการเกษตรและอาหาร เพราะการนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิด มาช่วยในการเฝ้าสังเกตุดู (monitor) การเจริญเติบโต และวิเคราะห์การให้อาหารพืช รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลที่สุก แล้วอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยผู้พิการทางสายตาในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างดี ในด้านสังคม บริษัทฯ พยายามลดปัญหาอาชญากรรม และมีระบบแจ้งเตือนก่อนเกิดเหตุ มากกว่าการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อจับคนร้ายหลังเกิดเหตุแล้ว นอกจากนี้ก็ยังจะนำกล้อง โทรทัศน์วงจรปิด มาช่วยเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน สถานพยาบาล การดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และการช่วยลดอุบัติเหตุจากการจราจร หรือ การทำงานในสถานที่ต่างๆ อีกด้วย
ในส่วนสุดท้ายด้าน สิ่งแวดล้อม ทางบริษัทฯ จะมุ่งไปด้านการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะพลัง งานทดแทน ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทางบ.ฮันวา เทควินมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ Solar Panel Module ซึ่งทางบริษัทฯ จะเชื่อมโยงเข้ากับระบบควบคุม ต่างๆ กับอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งไว้ก่อนแล้วในส่วนของระบบซอฟแวร์ ทางบริษัทฯ ก็จะนำระบบ 3D Mapping Model มาใช้มากขึ้น รวมทั้งการใช้ซอฟแวร์ควบคุมระบบกล้องวงจรปิด ที่จะเชื่อมโยงระบบกล้องที่ติดตั้งตามสาขา ทั้งหมด ให้สามารถควบคุมเป็นระบบเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้ว ทางบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นไปในส่วนของการให้บริการโดยได้จัดทำระบบ Customer Relation Management (CRM) โดยสร้างระบบการติดต่อ สื่อสาร เพิ่มช่องทางให้ลูกค้า รวมทั้งมีการจัดอบรมให้ความรู้ การใช้งาน การบำรุงรักษา และ ฝึกทักษะมาตรฐานฝีมือช่างเทคนิคตามมาตรฐาน
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ปัจจุบัน WISENET X ที่เป็น processing chipset ที่ทาง Hanwha Techwin ออกแบบ และผลิตซึ่งทำให้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ของ WISENET มาความคมชัดมาก มี Video Analytic Function ที่เหนือกว่าคู่แข่งอีกด้วย ปัจจุบัน WISENET มีฟังก์ชั่นพิเศษคือ POE สามารถประหยัดการเดินสายได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งในขณะนี้คือซอฟแวร์ Digiforth ที่สามารถวิเคราะห์ภาพ ทำให้สามารถค้นหา ภาพเหตุการณ์ที่ต้องการได้รวดเร็ว ด้วยระบบ Synopsis ที่ไม่ต้องดูภาพทั้งหมด แต่ระบบจะเลือก ออกมาเฉพาะช่วงเวลานั้นๆ ทำให้การค้นหาภาพได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้แล้วยังมี ระบบ POS Integration ที่นำกล้องโทรทัศน์วงจรปิด มาเชื่อมต่อกับเครื่องเก็บเงินสด POS เพื่ออ่านข้อมูลการขาย และวิเคราะห์การขาย และป้องกันทุจริตได้ดี รวมทั้งรายงานผลให้แก่ผู้จัดการภาค ได้ทันท่วงที จึงจัดได้ว่าเป็นระบบอัจฉริยะของ ร้านค้าปลีก โดยสามารถวิเคราะห์จำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้าน จำนวนลูกค้า เพศ อายุ รวมถึงบอก สินค้าขายดี โดยรายงานผลแบบเรียลไทม์ผ่านมือถือ หรือ แทฟเลต ได้ทันที
เกี่ยวกับองค์กร
ฮันวา เทควิน (Hanwha Techwin) ชื่อเดิม คือ ซัมซุง เทควิน (SAMSUNG Techwin) ได้มีการ rebrand ผลิตภัณฑ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิดโดยใช้ชื่อว่า "WISENET" สืบเนื่องจากการที่ กลุ่มบริษัท Hanwha Group ได้ซื้อกิจการจาก SAMSUNG Techwin เมื่อปลายปี 2558 (2015) โดยกลุ่มบริษัท Hanwha ได้รับการจัดอันดับของ Fortune 500 อยู่ในอันดับ 8 ของประเทศ โดย กลุ่มบริษัท Hanwha มีชื่อเสียงด้านการขายยุทธภัณฑ์ทางทหาร ด้านธุรกิจประกันภัย และ การบริการ (โรงแรม และสนามกอล์ฟ) และ ล่าสุด ซื้อกิจการ Solar Module ของ Q Cell ประเทศเยรมันนี
หลังจากมีการปรับเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ "WISENET" ในประเทศไทย ตลาดให้การยอมรับมากขึ้น เนื่องจากชื่อเสียงของกลุ่มบริษัท Hanwha มีความชำนาญด้านอุปกรณ์ที่ใช้กับยุทธภัณฑ์ทางทหารกว่า SAMSUNG ที่ชำนาญด้านอิเลคทรอนิกส์ สินค้าจึงมีความคงทนและเกือบเทียบเคียงเป็นระดับ Military Grade สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้นโดยเฉพาะความเป็นมืออาชีพและชำนาญงานกว่า 28 ปี ของบริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด ทำให้ลูกค้ายอมรับ และ เชื่อถือในผลิตภัณฑ์ "WISENET" เป็นอย่างดียิ่ง