กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--เอ็ม เอส แอล
วัตสัน ประเทศไทย ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย จัดงานแถลงวิสัยทัศน์ ประจำปี 2561 ขึ้น โดยภายในงานนี้มีหลายประเด็นธุรกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจ ที่วัตสันปรารถนาจะเชื่อมต่อการช้อปปิ้งระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์เข้ากันอย่างอย่างไร้รอยต่อ (Seamless) ซึ่งวัตสันมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความแข็งแกร่งในด้านร้านค้าสาขา ศักยภาพในด้านดิจิทัล และการเติบโตของดิจิทัลแพลตฟอร์มของวัตสันเอง คือสามส่วนผสมที่ลงตัวที่จะตอบสนองต่อความคาดหวังจากลูกค้าได้เป็นอย่างดีในโลกของการค้าปลีกยุคใหม่ โดยเน้นกลยุทธ์แบบ O+O หรือ Offline+Online ไม่มีสะดุดทุกการช้อปปิ้ง จะไม่มีการแยกหน้าร้านหรือหน้าแอพออกจากกันอีกต่อไป โดยนำข้อดีของทั้งสองรูปแบบมาผสานกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้า ในปีนี้วัตสันจึงยังให้ความสำคัญต่อการลงทุนทั้งในส่วนของสโตร์ควบคู่ไปกับออนไลน์สโตร์อย่างต่อเนื่อง
มร.ร็อด เร้าท์ลี่ย์ กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า "การหลอมรวมรูปแบบการช้อปปิ้งในสโตร์และออนไลน์สโตร์เข้าด้วยกันเป็นวิสัยทัศน์ของวัตสัน เพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่แสนพิเศษและน่าตื่นเต้นให้กับลูกค้า" การขยายสาขาอย่างรวดเร็วนั้นก็เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในทุกพื้นที่ทั่วไทย ความแข็งแกร่งของแบรนด์วัตสันที่ผู้บริโภครับรู้ได้ถึงความมีนวัตกรรม มีความน่าเชื่อถือจากมาตรฐานของคุณภาพสินค้าที่จัดจำหน่าย และความหลากหลายของสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่มีให้เลือกไม่รู้จบ ตลอดจนวิสัยทัศน์เรื่อง O+O เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัตสันประสบความสำเร็จในรูปแบบ 'การช้อปปิ้งไร้รอยต่อ' ที่จะนำพาความสะดวกสบายในการจับจ่ายมาสู่ผู้บริโภคไทยได้ทุกที่ทุกเวลา
หลังการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2560 วัตสันออนไลน์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยมียอดการจำหน่ายเติบโตสูงขึ้นถึง 3 เท่า ภายในระยะเวลา 12 เดือน และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการวางรูปแบบออนไลน์สโตร์ให้สอดรับกับสโตร์ได้อย่างลงตัว โดยนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย มีสินค้าพิเศษเฉพาะออนไลน์ และโปรโมชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ผนวกกับข้อดีที่สามารถช้อปได้ทุกที่ทุกเวลาและการชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ซึ่งวัตสันมั่นใจว่าแพลตฟอร์มออนไลน์จะเดินหน้าเติบโตขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในการฉลองครบรอบ 3 ปี วัตสันออนไลน์ ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม หรือวันที่ห้าเดือนห้า มีการทำแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและดึงดูดผู้บริโภคหน้าใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์ม โดยมีหัวใจหลักอยู่ที่ความน่าเชื่อถือและความหลากหลายของสินค้าที่นำเสนอ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกการจับจ่ายที่วัตสัน เมื่อพิจารณาในฝั่งของลูกค้า จะพบว่าการที่มีทั้งสโตร์และออนไลน์สโตร์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกว่าการมีช่องทางการขายอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในด้านสโตร์วัตสัน หลังจากการเปิด 50 สาขาใหม่ได้ตามเป้าในปี 2560 วัตสันมีแผนเปิดอีก 50 สาขาในปีนี้ โดยเมื่อถึงสิ้นปี 2561 วัตสันจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 515 สาขา กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ทั้งในปีนี้วัตสันยังมีการปล่อยรูปแบบร้าน (Store Format) คอนเส็ปต์ใหม่ออกมา โดยมีการนำร่องสาขาแรกไปแล้วที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร้านคอนเส็ปต์ใหม่นี้เป็นรูปแบบที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งอันน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ด้วยบรรยากาศที่สนุก การจัดแบ่งหมวดหมู่และจัดเรียงสินค้าที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น วิธีใหม่ๆ ในนำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การจัดแสงสว่าง การนำอุปกรณ์ดิจิทัลเข้ามาผสมสผสานอย่างเห็นได้ชัดในร้านรูปแบบใหม่นี้
"เราตั้งเป้าขยายร้านวัตสันในคอนเส็ปต์ใหม่นี้ ด้วยการปรับรุงสาขาเดิมประมาณ 75 สาขาภายในปีนี้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาในด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มและอีคอมเมิร์สให้ดียิ่งขึ้น โดยในปีนี้เราจะมีการลงทุนในธุรกิจเพิ่มด้วยงบประมาณรวมทั้งสิ้น 600 ล้านบาท
แม้การช้อปปิ้งออนไลน์จะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้มีผลต่อการเปิดสาขาใหม่ เนื่องด้วยในภาพรวมตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามของประเทศไทยยังขยายตัวได้ดี และเราเองเห็นว่าการช้อปปิ้งที่หน้าร้านยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตอบสนองต่อผู้บริโภคไทย" มร.ร็อด เร้าท์ลี่ย์ กล่าวเสริม
ขณะที่โปรแกรมสมาชิกวัตสันก็ยังคงเดินหน้าคว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดสมาชิกมากกว่า 4 ล้านคน ที่ใกล้ชิดกับแบรนด์ยิ่งขึ้น ด้วยช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึง การมอบโปรโมชั่นที่พิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป ตลอดจนการทำกิจกรรมพิเศษเพื่อสมาชิกโดยเฉพาะ ล่าสุดวัตสันได้ปล่อยบัตรสมาชิกระดับอีลีท (Watsons Elite Card) ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการตอบแทนแก่สมาชิกที่ผูกพันธ์กับวัตสันอย่างแนบแน่น มีการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อเป็นการดูแลลูกค้าระดับคุณภาพเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น ทางวัตสันจึงเพิ่มสิทธิพิเศษสุดตื่นตา ที่ยกระดับขึ้นจากบัตรสมาชิกปกติให้กับสมาชิกระดับอีลีท
การเชื่อมต่อด้วยโซเชียลมีเดีย ยังคงเป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ด้านลูกค้าของวัตสัน ด้วยยอดแฟนเพจในเฟสบุ๊ก 2.3 ล้านยูสเซอร์ และเกือบ 4 ล้านยูสเซอร์ ในไลน์เฟรนด์ การผสมผสานโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย เป็นวิธีการที่วัตสันเชื่อมั่นว่าจะเพิ่มฐานสมาชิกให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการสื่อสารระหว่างกันอีกด้วย
ในส่วนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือสินค้าตราวัตสัน (Watsons Own Brand) โดยในปี 2561 นี้ วัตสันมีแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากหลากหลายประเทศ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น อีกราว 150 SKU จากในปัจจุบันที่มีอยู่ 770 SKU โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา วัตสันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดอมาแอคชัน พลัส (Dermaction Plus Brand: DAP) ซึ่งเป็นกลุ่มเวชสำอาง โดยเฉพาะการส่งกลุ่มผลิตภัณฑ์
Dermaction Plus by Watsons Alive Plankton และ Dermaction Plus by Watsons Advanced Sun ออกสู่ตลาด ตามด้วย Dermaction Cleansing Water ในปีนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 22 ปี ของวัตสันในประเทศไทย ในปี 2561 นี้ วัตสันยังคงขยายการดำเนินงานในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ภายใต้สี่เสาหลักที่มีมาแต่แรกเริ่ม อันได้แก่ สถานที่ทำงาน (Workplace) ตลาดสินค้า (Marketplace) สิ่งแวดล้อม (Environment) และชุมชน (Community) โดยผสานเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับแนวทางการดำเนินธุรกิจในเมืองไทย ให้การช่วยเหลือผู้คนในกลุ่มต่างๆ ผ่านการระดมทุนสนับสนุนหน่วยงานหรือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ อาทิ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (บ้านพักฉุกเฉิน) มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนิธิโรคหัวใจเด็ก ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นต้น ทั้งยังพยายามสร้างการมีส่วนร่วมจากพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า อีกด้วย
"เรากำลังมุ่งสู่ปีแห่งการลงทุนและการเติบโตอย่างมหาศาลของตลาดประเทศไทย เราตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้มอบการบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า ผ่านประสบการณ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ และเรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตต่อยอดของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพในประเทศไทย"มร.ร็อด กล่าวทิ้งท้าย