กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ประกาศชื่อผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันทำอาหารครั้งที่ 2 และได้รับรางวัลเป็นทุนเดินทางไปศึกษาดูงานที่โรงแรม โฮเทล โอกุระ อัมสเตอร์ดัม (Hotel Okura Amsterdam) เป็นเวลา 9 วัน
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้เปิดรับสมัครนิสิต นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันทำอาหาร มาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีนิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสาขาวิชาการโรงแรม งานครัวและ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากหลายสถาบัน ให้ความสนใจยื่นใบสมัครเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก โดยผู้สมัครได้โพสต์คลิป วีดีโอ แสดงการทำอาหารในเฟสบุ๊คของตนเอง และส่งคลิป วีดีโอ นั้นมาให้คณะกรรมการคัดเลือก คณะกรรมการในรอบแรกนี้เป็นผู้บริหารของโรงแรมจำนวน 9 ท่าน ได้ร่วมกันคัดเลือกผู้สมัครที่แสดงความสามารถในการประกอบอาหารได้ถูกใจคณะกรรมการที่สุด 11 ท่าน มาสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับกับ เชฟ ชิเงรุ ฮางิวาระ (Shigeru Hagiwara) หัวหน้าพ่อครัว (Master Chef) ประจำห้องอาหารยามาซาโตะ และคุณอรยา เต็มกษาปน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล และคัดผู้สมัครเพียง 5 ท่าน ให้ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายและมีโอกาสฝึกอบรมในครัวของห้องอาหารญี่ปุ่น ยามาซาโตะ กับ เชฟ ฮางิวาระ เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2561 ก่อนที่ผู้สมัครแข่งขันจะแสดงฝีมือการทำอาหารให้คณะกรรมการชิมในคืนตัดสินวันที่ 22 มิถุนายน 2561
วันแรกของการฝึกอบรบ ในครัวของห้องอาหารญี่ปุ่น ยามาซาโตะ ผู้เข้าแข่งขันเข้ารอบสุดท้าย ทั้ง 5 ท่านที่ ได้จับฉลากตัวอักษร 'O K U R A' ซึ่งถือเป็นตัวอักษรประจำตัวตลอดการแข่งขัน
- ตัวอักษร O (โอ) เป็นตัวอักษรประจำตัวของ นางสาวศุภลักษณ์ จังก๋า
- ตัวอักษร K (เค) เป็นตัวอักษรประจำตัวของ นางสาวพิชญ์สินี จั้ง
- ตัวอักษร U (ยู) เป็นตัวอักษรประจำตัวของ นายวิศรุต อรุณศรี
- ตัวอักษร R (ฮาร์) เป็นตัวอักษรประจำตัวของ นายธีระพัทธ์ มัถธนู
- ตัวอักษร A (เอ) เป็นตัวอักษรประจำตัวของ นายจตุรวิทย์ ไหวพริบ
การฝึกอบรมในครัว ยามาซาโตะ เชฟ ฮางิวาระ ได้แบ่งการฝึกอบรมออกเป็น 5 แผนก ได้แก่ แผนกซูชิและซาชิมิ แผนกทอด แผนกต้มและตุ๋น แผนกย่าง และแผนกเทปันยากิ โดยผู้เข้าแข่งขันทุกท่านล้วนได้รับการอบรมอย่างเข้มข้นแผนกละ 3 วันกับพ่อครัวมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญจนครบทุกแผนก นอกจากนั้น ในแต่ละวัน เชฟ ฮางิวาระ ก็ได้นัดหมายกับผู้เข้าแข่งขันเป็นรายบุคคล เพื่อสอนการปรุงอาหารญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด
ตลอดระยะเวลาฝึกอบรม 3 อาทิตย์ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้เรียนเชิญ หัวหน้าแผนกต่าง ๆในโรงแรมฯ สื่อมวลชน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 54 ท่าน มาร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อร่วมคัดเลือกและให้คะแนนผู้เข้าแข่งขัน โดยการเยี่ยมชมการฝึกอบรมในครัว ยามาซาโตะ และพูดคุยกับผู้เข้าแข่งขัน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนจากความมุ่งมั่นตั้งใจ การให้ความร่วมมือ เป็นต้น
สองวันสุดท้ายของการอบรม ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีโอกาสฝึกฝีมือ ทบทวนบทเรียน และเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงฝีมือปรุงอาหารให้คณะกรรมการชิมในคืนวันตัดสิน โดยโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้รับเกียรติจากสื่อมวลชน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 12 ท่าน มาร่วมเป็นคณะกรรมการชิมอาหารที่ผู้แข่งขันทำโดยใช้ปลากระพงแดงญี่ปุ่นมาปรุงเป็นอาหารตามโจทย์ 4 ชนิด ได้แก่ ซูชิ ซาชิมิ แคลิฟอเนีย มากิ และ อาหารจากความคิดสร้างสรรค์ของตนเองโดยมีหลักเกณฑ์การให้คะแนนจากรูปลักษณ (หน้าตา) และรสชาติของอาหาร
ในคืนตัดสิน ผู้เข้าแข่งขันทุกคนได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านการฝึกฝนการทำอาหารญี่ปุ่นจากเชฟ ฮางิวาระ ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนรวมตลอดการแข่งขันสูงสุดได้แก่ นาย วิศรุต อรุณศรี จากวิทยาลัยดุสิตธานี ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศทำมาจากถ้วยสาเกไม้ ตั้งอยู่บนฐานที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักจะใช้อ้างอิงถึงความเป็นที่หนึ่ง หรือ 'Ichi Ban' (อิจิบัง) จากเชฟ ชิเงรุ ฮางิวาระ หัวหน้าพ่อครัว ประจำห้องอาหารยามาซาโตะ นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลใหญ่เป็นทุนไปศึกษาดูงาน 9 วันที่โรงแรม โฮเทล โอกุระ อัมสเตอร์ดัม (Hotel Okura Amsterdam) รางวัลรวมตั๋วเครื่องบิน ไป กลับ กรุงเทพฯ - อัมสเตอร์ดัม พร้อมที่พักที่ โรงแรม โฮเทล โอกุระ อัมสเตอร์ดัม 8 คืน มื้ออาหารกลางวันสุดพิเศษที่ห้องอาหารยามาซาโตะ (Yamazato) 1 มื้อ มื้ออาหารค่ำที่ห้องอาหารซีเอลเบลอ (Ciel Bleu) 1 มื้อ โปรแกรมท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม 1 วัน การจัดทำวีซ่า ประกันการเดินทาง เงินรางวัล 10,000 บาท และโปรแกรมการเรียนรู้การทำอาหารในครัวกับเชฟโอะโนะ ค็อกไมเยอร์ (Chef Onno Kokmeijer) เชฟชื่อดังจากห้องอาหารซีเอลเบลอ ซึ่งเป็นห้องอาหารที่ได้รับดาวเกียรติยศมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาวและเป็นเชฟที่ได้รับรางวัลเป็นตำแหน่ง เอส วี เอช มีสเทอเชฟ (SVH Meesterchef) หรือ มาสเตอร์ เชฟ (Master Chef) ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของบุคคลากรในสายงานพ่อครัวจากสถาบันชื่อดังในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศเนเธอร์แลนด์ คือ Stichting Vakbekwaamheid Horeca รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 100,000 บาท ส่วนผู้แข่งขันท่านอื่น ๆ ได้รับบัตรกำนัลเข้าพักที่ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ 1คืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านเป็นรางวัล
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขันและการให้คะแนน ติดต่อแผนกประชาสัมพันธ์ โทร. 02 687 9000 หรือ pr@okurabangkok.com
ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok)โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เปิดให้บริการตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2555 เป็นสมาชิกของ ลีดดิ้ง โฮเทลส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ (Leading Hotels of the World) โรงแรมตั้งอยู่ภายใน อาคาร ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ (Park Venture Ecoplex) ใจกลางย่านธุรกิจบนถนนวิทยุ เชื่อมตรงจากรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิต มีห้องพักทั้งหมด 240 ห้อง มีห้องอาหาร สปา ห้องออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ที่ยื่นออกจากตัวอาคารบนชั้น 25 เป็นตำแหน่งที่สามารถชมวิวเมืองกรุงเทพฯได้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.okurabangkok.com เครือโอกุระ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ (Okura Hotels & Resorts)
โอกุระ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ คือ เครือโรงแรมระดับนานาชาติที่บริหารงานโดยบริษัท โอกุระ นิกโกะ โฮเทล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (Okura Nikko Hotel Management Company Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารโรงแรมภายใต้ บริษัท โฮเทล โอกุระ จำกัด ปรัชญาหลักของเครือโอกุระ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ คือการจัดที่พัก อาหารและบริการที่ดีที่สุด (Best A.C.S.) ให้กับแขกที่มาเยือน ปัจจุบันเครือโอกุระ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์มีโรงแรมและรีสอร์ทจำนวนทั้งสิ้น 25 แห่งในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา และบริษัท โอกุระ นิกโกะ โฮเต็ล แมนเนจเม้นท์ จำกัด ยังบริหารโรงแรมอีก 2 เครือ คือ โรงแรม นิกโกะ โฮเทลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Nikko Hotels International) ซึ่งมีโรงแรมทั้งสิ้น 36 แห่ง และ อีกเครือคือ โฮเทล แจล ซิตตี้ (Hotel JAL City) ที่มีโรงแรมทั้งสิ้นอีก 12 แห่ง
ตลอดระยะเวลา 39 ปีที่ผ่านมาโอกุระ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ได้สร้างกลุ่มโรงแรมระดับนานาชาติคุณภาพสูงที่ผสานความงดงามและความละเอียดอ่อนตามแบบฉบับของวัฒนธรรมญี่ปุ่น เข้ากับความสะดวกสบายและอรรถประโยชน์ในแบบตะวันตก
โรงแรมในกลุ่มเพรสทีจก็ยึดหลักปรัชญาธุรกิจ Best A.C.S. หรือ Best Accommodation, Best Cuisine และ Best Service ด้วยเช่นกันคือให้ความสำคัญเป็นที่สุดกับเรื่องที่พัก อาหารและบริการจนเกิดเป็นโรงแรมที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งต่าง ๆ ทั่วโลก