กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--ตลท.
ศูนย์รับฝากฯ ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้เทียบเคียงมาตรฐานสากล G30 และ IOSCO ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรตลาดทุนนานาชาติ มุ่งเสริมสร้างศักยภาพตลาดทุนไทยที่ต้องแข่งขันกับตลาดทุนในภูมิภาค โดยเตรียมเชื่อมโยงศูนย์ รับฝากหลักทรัพย์ไทยกับเอเซียในปี 2551 รองรับการทำธุรกรรมข้ามตลาด รวมงานสำนักหักบัญชีให้บริการครบทั้ง ตราสารทุน ตราสารหนี้และตราสารอนุพันธ์ พร้อมลดเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จาก 3 วันเป็น 2 วันทำการ เพื่อลดความเสี่ยงของระบบชำระราคาโดยรวมของตลาดทุนและเพื่อลดต้นทุนแก่ผู้ใช้บริการ พร้อมนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มประสิทธิภาพให้บริษัทจดทะเบียน
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติแผนงานในปี 2551 โดยเน้นให้ความสำคัญกับการยกระดับการปฏิบัติงานให้มี ประสิทธิภาพเทียบเคียงระดับสากล เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดทุนไทยในภูมิภาค
“TSD ได้เตรียมระบบงานที่เอื้อต่อการซื้อขายข้ามตลาด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายที่เทียบเคียงกับมาตรฐานสากลที่กำหนดโดย IOSCO (International Organization of Securities Commission) เป็นกลุ่มองค์กรกำกับตลาดทุนนานาชาติ และมาตรฐานด้านงานชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ของ Group of 30 ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทั้งนี้ ได้เตรียมแผนงานที่จะเชื่อมโยงงานศูนย์ รับฝากหลักทรัพย์ของไทย กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในเอเชีย เพื่อรองรับธุรกรรมข้ามตลาดที่จะมีเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551” นางสาวโสภาวดีกล่าว
กรรมการผู้จัดการ TSD กล่าวด้วยว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และลูกค้าสะดวกในการรับบริการแบบครบวงจรครบทุกตราสาร ณ จุดเดียว TSD จะรวมงานสำนักหักบัญชีของตราสารทุน ตราสารหนี้ ที่ปัจจุบันอยู่กับ TSDไปรวมไว้กับงานตราสารอนุพันธ์ที่บริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด (TCH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ พร้อมทั้งจะลดระยะเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จาก 3 วันเป็น 2 วันทำการ (T+2) ในราวไตรมาส 4 ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการ ส่งมอบหลักทรัพย์ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย
ในด้านบริการสำหรับผู้ออกหลักทรัพย์ TSD จะนำเสนอบริการใหม่ โดยการฝากหลักทรัพย์ในรูปแบบ Dematerialization สำหรับผู้ถือหลักทรัพย์ที่ไม่ต้องการออกใบหลักทรัพย์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ พร้อมทั้ง เพิ่ม ประสิทธิภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ นอกจากนี้ จะนำเสนอระบบมาตรฐานในการจัดประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น (Annual General Meeting: AGM) ได้แก่ บริการระบบลงทะเบียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบลงคะแนน นับ และแสดงผลทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง ระบบใช้สิทธิออกเสียงแบบมอบฉันทะทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Proxy Voting: e-Proxy Voting) ซึ่งจะมีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ในขณะเดียวกัน ยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหุ้นด้วย
นอกจากการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยแล้ว ในปี 2551 TSD จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริการเพื่อสร้างความสะดวกและความพึงพอใจแก่ลูกค้า โดยได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการโอนเงินปันผลทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-dividend เพิ่มขึ้นอีก 110,000 ราย รวมเป็นผู้ใช้บริการทั้งหมด 770,000 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้มีผู้ใช้บริการฝากหลักทรัพย์แบบไร้ใบหุ้นเป็นร้อยละ 85 และให้บริการงานด้านนายทะเบียนแก่บริษัทที่อยู่นอกตลาดเพิ่มขึ้นอีก 12 บริษัท
“การยกระดับการทำงานของ TSD จะเอื้ออำนวยให้ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ของไทย พร้อมให้บริการที่รวดเร็ว ครบวงจร ประหยัดเวลา และคุ้มค่าสำหรับผู้ใช้บริการ ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้กับนานาประเทศ ซึ่งจะทำให้ TSD เป็นพื้นฐานสำหรับธุรกรรมข้ามชาติ และการเชื่อมโยงกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการเสริมสร้างศักยภาพของกลุ่มตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งและเติบโตต่อไป” นางสาวโสภาวดีกล่าวสรุป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ติดต่อส่วนธุรกิจสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาด จันทนีย์ พงษ์กระสินธุ์ โทร. 0-2229-2896
e-mail address: contact.tsd@set.or.th เว็บไซต์ http://www.tsd.co.th