กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--เวิรฟ
- ชูแนวคิด "The FIRST Prestige Health & Wealth Experience" มอบประสบการณ์สุขภาพเหนือระดับพร้อมเอกสิทธิ์ ไลฟ์สไตล์ทางการเงินแบบครบวงจรด้วยบริการบริหารความมั่งคั่งจาก SCB Investment Center
- แทคทีม "ดิจิทัล เวนเจอร์ส" ยกระดับบริการด้านสุขภาพ ร่วมพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นด้านการชำระเงิน "Samitivej FastPay" เสริมแกร่งให้พันธมิตรพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0
"ธนาคารไทยพาณิชย์" เดินหน้าทำตลาดกลุ่มลูกค้าเวลธ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือกับ "โรงพยาบาลสมิติเวช" สร้างมิติใหม่ให้ทั้ง 2 วงการ พัฒนาความร่วมมือ 3 ด้านในการยกระดับบริการด้านสุขภาพ ภายใต้แนวคิด "The FIRST Prestige Health & Wealth Experience" ได้แก่ "เดอะ เฟิร์ส เลานจ์ แอนด์ เอสซีบี อินเวสเม้นต์ เซ็นเตอร์" (THE FIRST LOUNGE & SCB INVESTMENT CENTER) พื้นที่รับรองรูปแบบใหม่ที่ถูกออกแบบและตกแต่งในสไตล์กลาสเฮ้าส์แห่งแรกในประเทศไทย ชูจุดเด่น "เอสซีบี อินเวสต์เม้นต์ เซ็นเตอร์" (SCB Investment Center) ศูนย์รวมความรู้ และให้คำแนะนำด้านการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลรูปแบบใหม่ เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม FIRST class ของโรงพยาบาลสมิติเวช และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งหรือ SCB Wealth ที่เป็นสมาชิก "SCB PRIVATE BANKING" และ "SCB FIRST" พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง เปิดตัวระบบ "สมิติเวช ฟาสต์เพย์" (Samitivej FastPay) ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวเพื่อชำระเงินที่เคาน์เตอร์อีกต่อไป และแอปพลิเคชัน "สมิติเวช พลัส" (Samitivej Plus)" ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงข้อมูลการให้บริการสุขภาพออนไลน์ครบวงจร ซึ่งดิจิทัล เวนเจอร์ส บริษัทพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในเครือของธนาคารฯ ได้ร่วมพัฒนากับสมิติเวชในส่วนของการออกแบบการใช้งานแอปพลิเคชั่น (User Experience) และการชำระเงินออนไลน์ มุ่งเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบเดิมสู่ประสบการณ์สุขภาพดิจิทัลเฮลธ์ (Digital Health) ที่ล้ำสมัย เชื่อมโยงการบริการทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาลแบบ Exclusive VIP One-stop service เพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และการเงินแก่ผู้ใช้บริการ คาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดให้ธนาคารสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด Wealth Banking
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารได้ประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์กลับหัวตีลังกา (Going Upside Down) เพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ของการเป็น "ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด" (The Most Admired Bank) ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และบริการ เพื่อผลักดันให้ไทยพาณิชย์กลายเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Bank as a platform) ที่สามารถเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเงินที่ดีขึ้น และตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด
"แผนการดำเนินงานของธนาคารไทยพาณิชย์ต่อจากนี้จะมุ่งเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือที่เรียกว่า Digital Experience เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า (Customer Engagement) ในอนาคต รวมถึงการรุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญขององค์กร ล่าสุด ธนาคารได้ร่วมมือกับ "โรงพยาบาลสมิติเวช" พันธมิตรทางธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการแพทย์และบริการด้วยนวัตกรรมอันทันสมัยเพื่อให้คนไข้มีสุขภาพที่ดีขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของไทยพาณิชย์ที่ต้องการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มร่วมกับพันธมิตร รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ในโรงพยาบาล ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมและตอบโจทย์บริการทั้งด้านสุขภาพและการเงินร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ นับเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับทั้ง แวดวงสุขภาพและการเงินของประเทศ"
"เป้าหมายความร่วมมือในครั้งนี้ ธนาคารต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ รวมถึงดูแลกลุ่มลูกค้าเวลธ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของไทยพาณิชย์ ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ที่สร้างสรรค์ เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์บริการด้านไลฟ์สไตล์การเงินให้แก่ลูกค้า อีกทั้งการร่วมมือกับสมิติเวชยังเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของธนาคารที่จะไม่เป็นเพียงแค่ธนาคารอีกต่อไป แต่เป็นองค์กรที่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ เสริมขีดความสามารถ และโอกาสใหม่ๆ ให้กับองค์กร ยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลเป็นหลักภายในปี 2563 อย่างแท้จริง และคาดว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารก้าวสู่ การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด Wealth Banking" นายอาทิตย์กล่าว
นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า "โรงพยาบาลสมิติเวชดำเนินการให้บริการมานานกว่า 39 ปี ภายใต้ปรัชญา "ดูแลคนไข้ด้วยหัวใจ" โดยเราไม่เคยหยุดนิ่งในการมอบบริการและนำนวัตกรรมทั้งด้านการแพทย์ และการบริการมาใช้ในสมิติเวช เพื่อดูแลรักษาคนไข้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและได้รับบริการด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐาน โดยปัจจุบันสมิติเวชได้นำเทคโนโลยีล้ำสมัย และเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ซึ่งเรามุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำโรงพยาบาลระดับแนวหน้าของประเทศไทย ล่าสุดสมิติเวชได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจในการก้าวสู่ปีที่ 40 ภายใต้แนวคิด "เราไม่อยากให้ใครป่วย" เน้นอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดี จึงพัฒนานวัตกรรมที่สามารถค้นหาโรคในตัวคุณและเตรียมตัววางแผนก่อนเกิดโรคในอนาคต อาทิ Precision Medicine ที่เน้นการดูแลวินิจฉัยถึงระดับพันธุกรรม (ยีน) สามารถรู้เท่าทันโรคที่จะเกิดในอนาคตเฉพาะบุคคล การร่วมมือทางการแพทย์กับต่างประเทศ อาทิ โรงพยาบาลซาโน ญี่ปุ่น ใช้เทคโนโลยีค้นหาและล่วงรู้การเกิดโรคมะเร็งลำไส้และกระเพาะอาหารได้ล่วงหน้า และการร่วมมือกับ Oregon Health & Science University (OHSU) และ Doernbecher Children's Hospital ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน The Best Children's Hospitals ในสหรัฐอเมริกา เข้ามาแลกเปลี่ยนเทคนิคการดูแลผู้ป่วยเด็ก ทั้งด้านการรักษาและการป้องกัน การเกิดโรค ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงเด็กโต เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต สมิติเวชยังมีโปรแกรม Divine คือนวัตกรรมในการยกระดับสุขภาพให้ถึงจุดที่ดีที่สุดในตัวคุณ เป็นโปรแกรมเฉพาะบุคคลเพื่อการดูแลแบบรู้เท่าทันโรค ด้วยการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำหน้า Precision Medicine ตรวจลึกถึงระดับยีน และนำมาวิเคราะห์เป็นโปรแกรมการดูแลในแบบเฉพาะบุคคล (Personal Health MappingTM) โดยมีทีมแพทย์เป็นเทรนเนอร์ด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด ในโปรแกรมนี้ สามารถตรวจพันธุกรรมเพื่อหาความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ มากมาย รวมถึงการตรวจเทโลเมียร์หาความยาวของปลายโครโมโซม ที่จะรู้ถึงอายุเซลล์ภายในร่างกายอย่างแท้จริง และความสัมพันธ์กับการเกิดโรคร้ายต่างๆ เพื่อการดูแลคุณก่อนเกิดโรคร้ายแรง นอกจากนี้เราได้พัฒนาซอฟต์แวร์ Total Health Solution โดยจะมีโปรแกรมแนะนำการตรวจเชิงป้องกันที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ เป็นการเตรียมวางแผนไม่ให้เกิดโรคได้ รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง 'โรงพยาบาลสมิติเวช' และ 'ธนาคารไทยพาณิชย์' ในการยกระดับการดูแลผู้ใช้บริการของโรงพยาบาล ด้วยการมอบประสบการณ์ใหม่เพื่อความพึงพอใจสูงสุด รวมถึงยังได้พัฒนาบริการในด้านต่างๆ เพื่อดูแลสุขภาพลูกค้าอย่างไร้ขีดจำกัดตลอด 24 ชั่วโมง"
"นอกจากนี้สมิติเวชยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบประสบการณ์การบริการด้านสุขภาพในยุคดิจิทัล 4.0 จึงได้ร่วมมือกับ "ดิจิทัล เวนเจอร์ส" บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ พัฒนาระบบการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้บริการ ได้แก่ "สมิติเวช ฟาสต์เพย์" (Samitivej FastPay) ระบบการชำระเงินที่ให้ความสะดวก และรวดเร็วในการจ่ายเงิน และ แอปพลิเคชัน "สมิติเวช พลัส" (Samitivej Plus) โดยแอปฯ ดังกล่าวจะเป็นเสมือนผู้ช่วยด้านสุขภาพที่ให้ข้อมูลครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเดินทางเข้าใช้บริการ (Pre Hospital) ระหว่างใช้บริการที่โรงพยาบาล (Hospital) จนถึงหลังจากกลับบ้านเพื่อพักฟื้นหรือดูแลตัวเอง (Post Hospital) เบื้องต้นได้ นำร่องใช้ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลเด็ก สมิติเวชก่อน และคาดว่าจะนำ แอปพลิเคชัน ดังกล่าวไปใช้กับทุกโรงพยาบาลในเครือที่มีอยู่ 7 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์พิเศษเฉพาะผู้รับบริการอย่างแท้จริง" นพ. ชัยรัตน์กล่าวเสริม
ด้าน นายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า "ความเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการยกระดับคุณภาพและบริการเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น เราเล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปมีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจหลาหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพ ดิจิทัล เวนเจอร์ส จึงได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นทางการเงินภายใต้ชื่อ Samitivej FastPay ช่องทางการชำระเงินรูปแบบใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการชำระเงินมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 1) การชำระเงินด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่จุด FastPay Station ซึ่งระบบนี้ได้เชื่อมต่อกับระบบบิลของโรงพยาบาลทำให้ผู้ใช้บริการเห็นค่าใช้จ่ายและสแกนเพื่อชำระเงินได้ทันที และ 2) การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านแอปพลิเคชัน Samitivej Plus โดยเราได้เปิดให้ผู้ใช้ได้ทดลองการชำระเงินทั้งสองรูปแบบที่สมิติเวช สุขุมวิท และศรีนครินทร์ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีจำนวนธุรกรรมผ่าน Samitivej FastPay กว่า 1,157 ธุรกรรม หรือเฉลี่ย 50 ธุรกรรมต่อวัน และลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยสูงถึง 4.75 จากคะแนนรวม 5 นอกจากนี้ผู้ที่ชำระเงินผ่าน Samitivej FastPay จะได้รับส่วนลด 10% และได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมหากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์"
ความร่วมมือระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ และ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ในการเปลี่ยนประสบการณ์สุขภาพดิจิทัลรูปแบบใหม่ หรือ ดิจิทัลเฮลธ์ ครอบคลุม 3 เรื่องหลัก ดังนี้
1. "เดอะ เฟิร์ส เลานจ์ แอนด์ เอสซีบี อินเวสเม้นเซ็นเตอร์" (THE FIRST LOUNGE & SCB Investment Center) พื้นที่รับรองรูปแบบพิเศษแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด "The FIRST Prestige Health & Wealth Experience" ที่ถูกออกแบบ ในสไตล์กลาสเฮ้าส์ เพื่อมอบประสบการณ์บริการแบบ Exclusive VIP One-stop service ให้แก่ลูกค้าFIRST Class ของโรงพยาบาลสมิติเวช และลูกค้าเวลธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นสมาชิก "SCB PRIVATE BANKING" และ "SCB FIRST" ที่มาใช้บริการ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โดยภายในจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ 1) โซนรับรองพิเศษด้านสุขภาพแบบครบวงจร พื้นที่หลักบริเวณด้านหน้าของเลานจ์ ซึ่งจะบริการต้อนรับและดูแลแบบ VIP ด้วยเจ้าหน้าที่ดูแลเฉพาะบุคคลเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับท่าน อาทิ การนัดหมายแพทย์ การพบแพทย์ การจ่ายเงิน และการรอรับยา พร้อมมีมุม Exclusive Healthy Snack Bar ไว้บริการลูกค้าให้ได้ใช้เป็นที่พักผ่อนระหว่างรอรับบริการด้านสุขภาพ พร้อมอาหารว่างและเครื่องดื่มสุขภาพจากร้านดัง Divana Signature Cafe 2) โซน SCB Investment Center ศูนย์บริหารความมั่งคั่งที่รวมความรู้และการให้คำแนะนำด้านการลงทุนและบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลเพื่อมอบเอกสิทธิ์ไลฟ์สไตล์ทางการเงินแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าที่เป็นสมาชิก โดย "SCB Investment Center" แห่งนี้ ถือเป็น Touch point ล่าสุดที่ธนาคารเปิดให้บริการกับลูกค้าเวลธ์ และเป็นแห่งแรกที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงพยาบาล ปัจจุบันธนาคารเปิดให้บริการ "SCB Investment Center" รวมทั้งหมด 7 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนที่จะเปิดให้บริการรวม 60 แห่งในโลเคชั่นสำคัญๆ 3) โซนเอาท์ดอร์ พื้นที่เปิดโล่งสำหรับรองรับการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่จะจัดให้กับสมาชิกคนสำคัญ อาทิ กิจกรรมดนตรีในสวน (Music in the garden) เพื่อสร้างความผ่อนคลายเวลามาใช้บริการด้านสุขภาพที่สมิติเวช กิจกรรมสนทนาพูดคุย หรือเวิร์คช้อปต่างๆ อาทิ เรื่องสุขภาพ และการลงทุน เป็นต้น โดยพื้นที่รับรองแห่งนี้จะเป็นช่องทางการให้บริการครบวงจรตอบโจทย์สุขภาพและการเงิน ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกค้าเดินเข้ามาใช้บริการจนกระทั่งออกจากเลานจ์นี้ไป
2. Samitivej Plus แอปพลิเคชันที่จะช่วยเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบเดิมๆ ให้เป็นประสบการณ์สุขภาพดิจิทัลล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสุขภาพให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างครบวงจร โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงผู้ใช้บริการเป็นหลัก (User Experience) ตั้งแต่การดูข้อมูลแพทย์และนัดหมายแพทย์ออนไลน์ (Online Appointment) การแจ้งคิวเรียลไทม์ผ่านแอป (My Queue) การชำระเงินออนไลน์ (Payment) หรือดูข้อมูลสุขภาพ รายการยา และประวัติการรักษาย้อนหลัง (My History) พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น ติดต่อหรือเรียกรถโรงพยาบาลได้ทันที อุ่นใจเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน หรือรับส่วนลด และโปรโมชั่นของโรงพยาบาลสมิติเวช เป็นต้น
3. Samitivej FastPay คือ ประสบการณ์ใหม่ของการชำระเงินที่ให้ความสะดวก และรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาในการรอคิวชำระเงินผ่านช่องทางปกติ เนื่องจากผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วย 1) การสแกนคิวอาร์โค้ด ณ จุด FastPay Station หรือ 2) ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านแอป Samitivej Plus และสามารถนำใบเสร็จรับเงินที่ได้รับทางอีเมลไปรับยาได้ทันที โดยผู้ใช้บริการที่ชำระเงินผ่าน 2 ช่องทางนี้จะได้รับส่วนลด 10% สำหรับค่ายา ค่า X-Ray และ Lab ตามเงื่อนไขของโรงพยาบาล และได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมหากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 2561