กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--thai golf media
โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ โปรหนุ่มดาวรุ่งของไทย โชว์พัตเตอร์ร้อนหวดเพิ่มรอบสุดท้ายได้อีก 4 อันเดอร์พาร์ 67 สี่วันมี 19 อันเดอร์พาร์ 265 คว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ รายการ "ควีนส์คัพ พรีเซนเต็ด บาย บางจาก" ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ชิงเงินรางวัลรวม 3 แสนเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9.3 ล้านบาท) ณ สนามฟีนิกซ์ โกลด์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ พัทยา พาร์ 71 จ.ชลบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทำสกอร์ทิ้งห่าง กากันจีต บูลลาร์ จอมเก๋าจากอินเดียไป 4 สโตรค
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย, เอเชียน ทัวร์ และ บริษัท ออล แมนเนจเมนท์ กรุ๊ป จำกัด จัดการแข่งขันกอล์ฟเอเชียน ทัวร์ รายการ "ควีนส์คัพ พรีเซนเต็ด บาย บางจาก" ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พร้อมเงินรางวัลรวม 3 แสนเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9.3 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ สนามฟีนิกซ์ โกลด์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ พัทยา (เมาน์เทนและโอเชียนคอร์ส) ระยะ 6,732 หลา พาร์ 71 จ.ชลบุรี
รอบสุดท้ายของการชิงชัยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค. ปรากฏว่า โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ โปรหนุ่มวัย 22 ปี จากหัวหิน ซึ่งทำสกอร์ขึ้นเป็นผู้ร่วมมาตั้งแต่รอบสอง วันสุดท้ายพกความมั่นใจลงเล่นในกลุ่มผู้นำด้วยสกอร์รวมเท่ากับ กากันจีต บูลลาร์ จอมเก๋าจากอินเดียที่ 13 อันเดอร์พาร์ ประเดิมเบอร์ดี้แรกของวันได้ที่หลุม 2 ทว่าไปพลาดเสีย 2 โบกี้ที่หลุม 6 และ 8 มารอบหลุมหลังพัตต์ได้อย่างเฉียบคมทำ 5 เบอร์ดี้ติดที่หลุม 10 ถึง 14 ปิดฉากการแข่งขันได้มา 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วันมี 19 อันเดอร์พาร์ 265 คว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ รายการที่สองให้กับตัวเองพร้อมรับเงินรางวัลไป 54,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านบาท ขณะที่ กากันจีต บูลลาร์ รอบสุดท้ายเก็บแต้มเพิ่มไม่ได้ ทำได้เพียงอีเวนพาร์ 71 รั้งรองแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 269 รับเงินรางวัลไป 33,000 เหรียญสหรัฐฯ
อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ กล่าวหลังสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์ควีนส์คัพว่า "ควีนส์คัพเป็นรายการที่ผมชอบที่สุดในเอเชียน ทัวร์ และลงแข่งตั้งแต่อายุ 15 ปีที่แล้วพลาดเพลย์ออฟไปที่สมุย ปีนี้ทำได้สำเร็จแล้วก็ดีใจมาก เกมโดยรวมวันนี้พอใจมาก และดีใจมากที่ได้กลับมาแข่งที่เมืองไทย แน่นอนว่าการได้แชมป์เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่การคว้าแชมป์ในเมืองไทยเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่า แม้แชมป์รายการนี้จะเป็นแชมป์ครั้งที่สอง แต่ผมรู้สึกดีใจมากกว่าครั้งแรกเสียอีก วันนี้ตอนออกไปแรกๆ รู้สึกกดดันนิดหน่อย พอเก้าหลุมหลังเริ่มคลาย เริ่มชินกับความกดดัน ช่วง 9 หลุมแรกตีไม่ดี คิดว่าหลุมต่อไปต้องปรับปรุง พอมาชิพเบอร์ดี้ลงที่หลุมสิบทำให้โมเมนตัมเกมของผมดีขึ้นเรื่อยๆ ปัจจัยที่ทำให้สำเร็จเป็นที่ความใจเย็นในการเล่น ซึ่งตลอด 18 หลุมวันนี้ไม่ได้คิดถึงแชมป์จนกระทั่งพัตต์ลงจนหลุมสุดท้าย"
ทางด้าน บูลลาร์ ซึ่งออกสตาร์ทรอบสุดท้ายในตำแหน่งผู้นำร่วม กล่าวว่า "วันนี้เป็นวันที่ยากมาก ผมออกสตาร์ทได้ไม่ดี มีพลาดง่ายๆ ไปหลายหลุม แต่สามารถตีเซฟได้ที่หลุม 16-17 ตำแหน่งรองแชมป์วันนี้ถือว่าเป็นผลงานที่ดีแล้วสำหรับผม เพราะแจ๊สเล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะการทำ 5 เบอร์ดี้ติดเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ขอแสดงความยินดีกับเขาด้วย ผมว่าทำได้ดีแต่ยังไม่ใช่วันของผม และจะทำตั้งใจเล่นให้ดีอย่างนี้ในสัปดาห์หน้า"
ขณะที่ โปรไช้-ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักกอล์ฟไทยที่มีลุ้นในวันสุดท้าย ทว่าทำแต้มไม่ได้ ตีเข้ามาอีเวนพาร์ 71 รั้งอันดับ 3 ร่วมด้วยสกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 270 เท่ากับ คิม ชีฮวาน ผู้นำร่วมรอบสองจากสหรัฐฯ แบ่งเงินรางวัลไปคนละ 16,950 เหรียญสหรัฐฯ ส่วน เพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา ก้านเหล็กทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ ที่อินโดนีเซีย จบได้ดีที่อันดับ 6 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 272 เท่ากับ สก๊อตต์ วินเซนต์ จากซิมบับเว รวมถึง แดนไท บุญมาก และเนติพงศ์ ศรีทอง อดีตนักกอล์ฟทีมชาติรุ่นพี่
สำหรับนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจรายอื่นทำผลงานดังนี้ ภาณุพล พิทยารัฐ แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น คนล่าสุดเมื่อสามสัปดาห์ก่อน สกอร์ 11 อันเดอร์พาร์ 273 อันดับ 10 ร่วม, พรหม มีสวัสดิ์ และภูมิศักดิ์แสนศิลป์ คนละ 10 อันเดอร์พาร์ 274 อยู่อันดับ 13 ร่วม, รฐนน วรรณศรีจันทร์ แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ปี 2017 สกอร์ 9 อันเดอร์พาร์ 275 อันดับ 19 ร่วม และชินรัตน์ ผดุงศิลป์ อดีตแชมป์ ควีนส์คัพครั้งแรกเมื่อปี 2009 สกอร์ 8 อันเดอร์พาร์ 276 อันดับ 21 ร่วม
ข้อมูลเพิ่มเติมการแข่งขันได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com