กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--ชม พีอาร์
ธุรกิจเครื่องสำอาง นับเป็นธุรกิจที่ติดอันดับ "ดาวรุ่ง" ในผลวิจัยทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจความงามในอาเซียน ด้วยมีการขยายตัวของตลาดสูงมาก ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำยันปลายน้ำ ได้แก่ ธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง ธุรกิจนำเข้า จำหน่าย และค้าปลีกเครื่องสำอาง โดยอุตสาหกรรมความงามของไทยมีมูลค่าสูงกว่า 1.8 แสนล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.8 ต่อปี
เมื่อเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ดาวรุ่ง ตลาดเติบโตสูง คู่แข่งย่อมเยอะ เห็นได้จากมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี (SMEs) ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ยิ่งในยุค 4.0 ช่องทางการทำตลาดง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องลงทุนมีหน้าร้าน การเริ่มต้นไม่ต้องใช้เงินลงทุนก้อนโต ประตูแห่งโอกาสดูเหมือนเปิดกว้างสำหรับเถ้าแก่หน้าใหม่ แต่ใช่ว่าจะคว้าความสำเร็จมาได้ง่ายๆ และแม้บางรายเริ่มต้นเหมือนจะไปได้สวย แต่ก็ปังแค่ระยะสั้นๆ ไม่ได้เติบโตอย่างยั่งยืน
"สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยเฉพาะที่ขายเครื่องสำอางผ่านออนไลน์ล้มเหลว หรือเติบโตแบบไม่ยั่งยืนคือ สินค้าไม่มีคุณภาพ เพราะไปจ้างโรงงานผลิต หรือ โออีเอ็ม ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดปัญหาแบบเมจิกสกิน เนื่องจากโรงงานที่ดีในเมืองไทยมีน้อย และงานเต็มมือไม่รับออร์เดอร์น้อยๆ ทำให้ต้องไปจ้างโรงงานที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน" คุณศลิษา พิบูลย์สวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเม็ทส์ อินเตอร์เทรด จำกัด ให้ความเห็น
บริษัทคอมเม็ทส์ อินเตอร์เทรด จำกัด เริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางให้กับแบรนด์ดังในประเทศไทยหลากหลายแบรนด์มายาวนาน จนมีความรู้และเชี่ยวชาญในธุรกิจ ซึ่งพร้อมแบ่งปันประสบการณ์และให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครื่องสำอางด้วยมาตรฐานของมืออาชีพ โดยปัจจุบันคอมเม็ทส์ได้ก้าวเข้าสู่การทำแบรนด์สินค้าเครื่องสำอางของตัวเองอีกด้วย
คุณศลิษา กล่าวต่อว่า จากความผูกพันอยู่ในธุรกิจนี้มานานจึงไม่อยากให้ผู้ประกอบการรายใหม่ผลิตสินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน หรือถูกผู้ผลิตที่ไม่เชี่ยวชาญหลอก ตนจึงตัดสินใจลงมาช่วยให้คำแนะนำ จากเดิมที่คอมเม็ทส์ไม่รับงานจากน้องๆ ที่ขายสินค้าออนไลน์ เพราะซื้อสินค้าจำนวนน้อย แต่เมื่อให้คำแนะนำแล้วเห็นหลายคนประสบความสำเร็จก็เป็นเรื่องน่ายินดี แม้ไม่มีกำไรและต้องใช้เวลาเยอะในการให้คำแนะนำหรือดูแล
"คนที่ประสบความสำเร็จต้องกระตือรือร้น มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น ต้องเจอคู่ค้าที่ทำงานจริง รู้จักเครื่องสำอางจริงๆ เพราะเมื่อซื้อบรรจุภัณฑ์จากเราไปแล้ว ยังต้องผ่านโรงงานผลิตเครื่องสำอางอีกหลายขั้นตอน ซึ่งใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้สินค้าคุณภาพ แต่น้องๆ ที่เข้ามาใหม่จะไม่เข้าใจ ผ่านไปอาทิตย์เดียวร้อนใจว่าทำไมยังไม่ได้สินค้า อยากได้เร็วโดยไม่มีคุณภาพ อันนี้จะโตไม่ยั่งยืน"
สำหรับใครที่อยากก้าวสู่ธุรกิจเครื่องสำอางนั้น คุณศลิษาแนะนำว่า หากเป็นคนที่มีความพร้อมคือ มีไอเดียว่าจะผลิตอะไรมีสูตรอยู่แล้ว ขายลูกค้ากลุ่มไหน ตั้งราคาเท่าไหร่ ต้องการแค่คำแนะนำเพิ่มเติม เช่น การแก้ปัญหาเมื่อเจอข้อจำกัดของสินค้า เมื่อนำไปพัฒนาต่อยอดสามารถพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน ก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่หากเป็นคนที่อยากทำธุรกิจแล้วมาถามว่าผลิตอะไรดี ไม่มีไอเดียเลย คนกลุ่มนี้ก็จะพัฒนายาก ดังนั้น คงต้องทบทวนเหมือนกันว่าเราเหมาะจะเข้ามาทำธุรกิจนี้หรือไม่
ไม่ว่าอยากเริ่มต้นทำธุรกิจอะไร ต้องศึกษาให้รู้จริงก่อนลงมือทำ และใครสนใจอยากได้ความรู้เรื่องการลงทุนธุรกิจสุขภาพความงามอย่างถูกต้อง ความเสี่ยงต่ำและเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ควรพลาดร่วมชมบูธ OEM รายต่างๆ ที่ได้มาตรฐานตัวจริงในงาน "Smart SME Expo 2018" พร้อมฟังสัมมนาจาก OEM รายใหญ่ระดับหนึ่งใน 5 ของประเทศ ผู้รับผลิตให้แบรนด์ชั้นนำในประเทศและต่างประเทศมากมาย ในหัวข้อ "ธุรกิจเครื่องสำอางไทย ต่อยอดสู้แบรนด์ชั้นนำในตลาดโลก" ในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2561 เวลา 16.00-17.00 น. ณ ฮอลล์ 3-4 อิมแพ็คเมืองทองธานี
คงได้ไอเดียกันพอสมควร แต่อยากฝากย้ำทิ้งท้ายว่า การจะเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง ต้องเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานการรับรองที่น่าเชื่อถือ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนคือ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาใช้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งควรพัฒนาสินค้าให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างรวดเร็ว