กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--แสนสิริ
จับตาแสนสิริขยับธุรกิจ!! เตรียมบันทึกประวัติการณ์ใหม่ ประกาศยอดขายสูงสุดในรอบ 34 ปี หลังยอดขายครึ่งปีแรกทะลัก 24,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 53% ก้าวสู่เป้าหมายยอดขายรวม 45,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายสูงที่สุดนับจากการก่อตั้งบริษัท มาจากความเป็นที่สุดทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ขายดีทุกโครงการ ชูคอนโดแสนสิริขายดีทั่วประเทศ ขณะที่บ้านแสนสิริ พัฒนาการ สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของโครงการแฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ไทย ในระดับราคา 65 – 240 ล้านบาท สร้างยอดขายเร็ว เพียง 2 สัปดาห์โกยยอดขายแล้ว 40% พร้อมส่งทาวน์เฮาส์แสนสิริสร้างปรากฎการณ์ Talk of the town ปั้นแบรนด์ สิริ เพลส กวาดยอดขายรวม 2,300 ล้านบาท โต 175% มั่นใจยอดขายตามเป้าหมายจากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่และกลยุทธ์ธุรกิจที่แข็งแกร่ง แย้มไฮไลท์ครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัว "XT" แบรนด์คอนโดมิเนียมล่าสุดจากแสนสิริ ที่มีแผนเปิดตัว 3 โครงการ 3 ทำเล มูลค่าสูงสุดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน #SansiriBestYearEver
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ว่า บริษัทประสบความสำเร็จด้านยอดขายที่น่าพอใจ โดยสามารถทำยอดขายได้แล้วถึง 24,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 53% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 45,000 ล้านบาท ความสำเร็จมาจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีในทุกโครงการ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงในกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
"ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถปิดการขายโครงการ หรือสร้างยอดขายในเวลาที่รวดเร็ว อาทิ โครงการ "เดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต" และ "ดีคอนโด แคมปัส โดม-รังสิต" มีกระแสตอบรับที่ดีมาก จนสามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซล โครงการ "ลา กาซิตา" หัวหินซึ่งบริษัทครองความเป็นเจ้าตลาดในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตากอากาศมาอย่างยาวนาน มียอดขายถึง 90% ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน โครงการ "เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา" ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่มีความต้องการคอนโดมิเนียมในพัทยาทั้งเพื่อพักผ่อนและปล่อยเช่า จนล่าสุดมียอดขายไปแล้วถึง 95 % จ่อคิวปิดการขายเร็วๆ นี้ ขณะที่ดีคอนโดหาดใหญ่ มียอดขายแล้วกว่า 50%" นายวันจักร์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัว "บ้านแสนสิริ พัฒนาการ" ผลงานจากการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันกว่า 3 ปี งามสง่าเหนือกาลเวลาด้วยแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุครีเจนซี่ (Regency) จากประเทศอังกฤษ มอบประสบการณ์ของการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ พร้อมความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยจำนวนเพียง 36 ยูนิต บนที่ดิน 37 ไร่ ถนนพัฒนาการซอย 30 ทำเลศักยภาพที่หาได้ยากใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมือง ทั้งสุขุมวิท ทองหล่อ-เอกมัย เพชรบุรีตัดใหม่ พระราม 9 โรงเรียนนานาชาติ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มากมาย ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง (High Net Worth Individual) ในประเทศไทยจนประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายแล้วถึง 40% หลังเปิดการขายในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นการสร้างยอดขายที่รวดเร็วมากในบ้านเดี่ยวในระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ระดับราคา 65 – 240 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริภายใต้แนวคิด "Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ" ซึ่งมีระดับราคา 10 – 25 ล้านบาท และ บุราสิริ ภายใต้แนวคิด "Find Your Peace of Mind บ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง" ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน อาทิ โครงการเศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ – ประชาชื่น 2 และโครงการเศรษฐสิริ พหล – วัชรพล รวมถึงโครงการบุราสิริ พัฒนาการ เป็นต้น
"ผลจากการรุกทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ "สิริ เพลส" ทาวน์เฮาส์คุณภาพในระดับ Best in Class ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ลบ. ซึ่งมีแผนเปิดตัวทั้งหมด 8 โครงการในปีนี้ ยังส่งผลให้บริษัทประสบผลสำเร็จอย่างมาก สามารถสร้างยอดขายจากการเปิดตัว สิริ เพลส 5 โครงการ 5 ทำเล ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ถึง 2,300 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 175% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 833 ล้านบาท ความสำเร็จมาจากการพัฒนาโครงการเพื่อตอบรับเทรนด์การอยู่อาศัยคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิดเติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ #CompleteYourLivingExperience และความโดดเด่นของโครงการในคอนเซ็ปต์ ขยายทุกความชอบให้เป็นไปได้ โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ สิริ เพลส อีก 3 โครงการใหม่ กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ " นายวันจักร์ กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทยังประสบความสำเร็จ ในการสร้างยอดขายจากตลาดต่างชาติ โดยสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 6,000 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันแสนสิรินับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าต่างชาติที่สูงที่สุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกันในหลายประเทศ (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
แสนสิริยังมุ่งมั่นในการต่อยอดด้าน Digital Transformation ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ในการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและมองหานวัตกรรมที่นำมาต่อยอดได้สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม อาทิ การจับมือสองยักษ์ด้านดิจิทัล "ไมโครซอฟท์" และ "เอไอเอส" เปิดตัวสุดยอดนวัตกรรมเชื่อมโลกจริงและเสมือนจริง 'Mixed Reality (MR)' มาใช้ในอสังหาฯ เป็นครั้งแรกของไทย โดยชูไฮไลท์ "MR Sales Gallery" ห้องตัวอย่างเสมือนจริงครั้งแรกในโลก ยกระดับประสบการณ์การซื้อที่อยู่อาศัยไปอีกขั้นผ่านการจำลองสภาพแวดล้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสบรรยากาศของโครงการที่พักอาศัยแบบอินเทอร์แอ็คทีฟ ด้วยฟังก์ชันในการออกแบบและปรับเปลี่ยนห้องตัวอย่างได้ในทุกมุมมอง โดยเตรียมนำร่องใช้งานกับโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริในปีนี้ นอกจากนี้ล่าสุด ยังนับเป็นครั้งแรกของแสนสิริและแอลจีสู่การนำนวัตกรรมสุดล้ำเพื่อเปิดตัว "สมาร์ทโฮม โซลูชัน ลูกบ้านแสนสิริสามารถเชื่อมต่อระบบสั่งงานของ Smart ThinQ(TM) ผ่าน Home Service Application ของแสนสิริ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกมิติของการใช้ชีวิตภายในแอพพลิเคชั่นเดียว นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการจับมือกับพาร์ทเนอร์ พันธมิตรธุรกิจที่หลากหลายธุรกิจ เพื่อผนึกความแข็งแกร่งระหว่างสองธุรกิจในการนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบรับลูกค้า ตามแนวคิด Complete Your Living Experience #CompleteYourLivingExperience อีกด้วย
ขณะที่ สิริ เวนเจอร์ส ประสบความสำเร็จในความร่วมมือผลักดันสร้างระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ ร่วมกับเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก อาทิ SOSA และ Plug and Play รวมถึงล่าสุดกับการนำนวัตกรรม "Wind Turbine" จาก Semtive สตาร์ทอัพชั้นนำผู้พัฒนากังหันลมสำหรับที่พักอาศัยจากสหรัฐอเมริกาที่สิริ เวนเจอร์สได้เข้าไปร่วมลงทุน มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในงาน TechSauce Global Summit 2018 เพื่อเป็นการแนะนำให้คนไทยได้สัมผัสกับนวัตกรรมสุดล้ำและสร้างโอกาสในการเติบโตในตลาดไทยไปพร้อมกัน รวมถึงการนำแนวคิดระดับโลก "Agile" (เอจาวล์) พลิกโฉมองค์กรในบทใหม่ รับยุคมิลเลนเนียล ฉีกกฏการทำงานแบบเดิมให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพขึ้น เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวและก้าวทันยุคดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร โดยการนำระบบ Salesforce เข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาระบบการทำการตลาด รวมถึงระบบการบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำระบบ Primavera ที่ช่วยควบคุมขั้นตอนการก่อสร้าง มาใช้ในองค์กรเป็นครั้งแรก
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะรุกพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ หัวหิน และศรีราชา ชลบุรี โดยมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 36,900 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ โดยในเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว "XT" แบรนด์คอนโดมิเนียมล่าสุดจากแสนสิริ #SansiriXT ที่จะฉีกกฎการพัฒนาคอนโดมิเนียมรูปแบบเดิม โดยวางแผนเปิดตัวในปีนี้ 3 โครงการ บน 3 ทำเลศักยภาพ คือ เอกมัย พญาไท และ ห้วยขวาง ในมูลค่ารวมโครงการที่สูงที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE จำนวน 3 โครงการ 3 ทำเล ในกรุงเทพฯ และภูเก็ต มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ในปี 2561 โดยจ่อคิวเปิดตัว เดอะ เบส สุขุมวิท 50 และ เดอะ เบส สะพานใหม่ ในเดือนสิงหาคมนี้ หลัง เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งเปิดตัวเป็นโครงการแรกประสบความสำเร็จปิดการขายอย่างรวดเร็วทันทีในวันพรีเซลล์
บริษัทยังมีแผนการสานต่อกลยุทธ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยการเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย จะมีการพัฒนาโครงการใหม่จากการลงทุนร่วมกับบีทีเอสและโตคิว กรุ๊ป ส่วนกลุ่มธุรกิจใหม่ จัสท์โค (JustCo) ได้เตรียมเปิด โคเวิร์คกิ้งสเปซ เป็นแห่งที่ 2 ที่อาคาร All Seasons Place หลังปักธงเปิดสาขาแรกใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ที่อาคาร AIA Sathorn ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเล็งมอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านแสนสิริเข้าใช้บริการ นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง Hostmaker (โฮสต์เมกเกอร์) บริษัทผู้ให้บริการ บริหารการเช่าที่พักอาศัยและผู้บริหารการจองที่พักอันดับหนึ่งของ Airbnb ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้วจะเข้ามาช่วยบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูกบ้านและสร้างเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศอีกด้วย
ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสท์ของแสนสิริ ให้สอดคล้องกับการเติบโตและรองรับการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ของแสนสิริ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากตามแผนการดำเนินงาน เพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง ลดการใช้แรงงาน และปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้มีความคล่องตัวสูง รวมถึงการเดินหน้าวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ภายในองค์กรผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1. Environment - อาทิ ลดการใช้กระดาษ (Paperless) ลดคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ผ่านการลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น เป็นต้น 2. Social Change โดยที่ผ่านมาแสนสิริได้ร่วมกับยูนิเซฟในการพัฒนาสิทธิเด็กในประเทศไทยมายาวนานกว่า 7 ปี ในความรับผิดชอบต่อสังคมมุ่งเน้นการช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน รวมถึงการรณรงค์การยุติการใช้แรงงานเด็กในทุกรูปแบบที่ธุรกิจมีส่วนเกี่ยวข้อง ในโครงการ 'พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก' ในสถานที่ก่อสร้าง หรือ The Good Space #SansiriGoodSpace เพื่อให้เด็กในไซต์ก่อสร้างไม่ว่าสัญชาติใด ได้ร่วมทำกิจกรรมที่จัดให้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้แสนสิริยังเน้นการออกแบบโครงการต่างๆ ให้ทุกคนสามารถใช้งานได้เท่าเทียมกัน หรือที่เรียกว่า Universal Design รวมถึงข้อ 3.Good Governance ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานอย่างโปร่งใสถูกต้อง
"ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทที่มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 62% เทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นเกินกว่า 53% จากเป้าหมายยอดขายรวมที่วางไว้ ผนึกกับความแข็งแกร่งของแผนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ 45,000 ล้านบาท
อย่างแน่นอน ซึ่งจะนับเป็นการสร้างประวัติการณ์ยอดขายใหม่ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปีของแสนสิรินับแต่มีการก่อตั้งบริษัทและเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ #SansiriBestYearEver" " นายวันจักร์ กล่าว