กรุงเทพฯ--6 ก.ค.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เสริมศักยภาพด้านอุปกรณ์เทคโนโลยี แสง สี เสียง ให้อลังการ ตระการตามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่และรองรับการจัดงานอีเว้นท์ได้ในทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเปิดบ้านโชว์อุปกรณ์เทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และมอบความรู้แก่นิสิตนักศึกษาจากหลากหลายสถาบันในงาน"Turn On 2018" เมื่อวันที่ 19-22 มิถุนายน ที่ผ่านมา
นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินเด็กซ์ฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาด้านอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แสง สี เสียง และเลเซอร์ ให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นกว่าเดิม สามารถรองรับการจัดงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่ให้แก่กลุ่มลูกค้าจากหลากหลายธุรกิจ และตอบโจทย์ในการสร้างสรรค์ผลงานการจัดอีเว้นท์ให้มีความล้ำสมัย โดดเด่น และแตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยอินเด็กซ์ฯได้จัดงาน "Turn On 2018" ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ "Technology Atmosphere" โดยทำการเปิดบ้านอย่างอบอุ่นเพื่อต้อนรับกลุ่มลูกค้าระดับวีไอพีที่มาจากหลากหลายธุรกิจทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงเปิดโอกาสให้น้องๆนิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่างๆได้เข้ามาร่วมชมสุดยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีของอุปกรณ์ต่างๆทั้งด้าน แสง สี เสียง และเลเซอร์ ในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน งานในครั้งนี้นับว่าเป็นการช่วยจุดประกายไอเดียและปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดความรู้และทักษะให้น้องๆที่มีความสนใจอยากทำงานด้านครีเอทีฟและงานอีเว้นท์ รวมถึงเลือกอาชีพตามความฝันในอนาคต"
โดยงาน "Turn On 2018" อินเด็กซ์ฯได้โชว์ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับเทคโนโลยี ซึ่งแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มชมสุดยอดนวัตกรรมบวกกับความเป็นครีเอทีฟจากทางอินเด็กซ์ฯ น้องๆยังได้สนุกสนานกับ Act Catcher เทคโนโลยีการถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโอที่ประมวลผลออกมาในรูปแบบ 360 องศา เชื่อมโยงด้วยซอฟแวร์ที่ทางอินเด็กซ์ฯได้พัฒนาขึ้นมาเอง ด้วยกล้อง DSLR ระดับ Professional คุณภาพสูงรองรับภาพแบบ HD ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับงานหลากหลายประเภท
เริ่มต้นที่โซนแรกกับนวัตกรรมที่เรียกว่า "Line Motion" เป็นการนำแกนใบพัด จำนวน 80 ชิ้น มาพัฒนาและออกแบบเข้ากับมอเตอร์และใส่ความเป็นครีเอทีฟไอเดียลงไป ทำให้เกิดกราฟฟิคใหม่ๆขึ้นมาเป็นรูปทรงต่างๆ หรือสามารถสร้างเป็นคอนเทนต์ตามที่ต้องการ ควบคุมด้วยซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมวัตถุให้เคลื่อนไหวตามทิศทางที่ตั้งโปรแกรมไว้ จากนั้นน้องๆได้เข้าชมโซนที่ 2 เป็นการโชว์รางวัลต่างๆที่ อินเด็กซ์ฯได้รับนำเสนอผ่านสื่อมัลติมีเดียและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้รางวัลที่ถูกจัดแสดงยิ่งดูโดดเด่นมากขึ้น ต่อกันด้วยโซน Proud of ICV เป็นโซนแสดงผลงานตลอดระยะเวลา 28 ปี ที่ผ่านมาของอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการอีเว้นท์มากมายจนกลายเป็น Talk of The Town น้องๆยังได้มีโอกาสเข้าชมที่สุดแห่งความเสถียรและแม่นยำของระบบปฎิบัติการที่เรียกว่า Synchronize ภายในห้องสตูดิโอของอินเด็กซ์ฯกับ "Shapeformation" ที่แสดงการควบคุมอุปกรณ์ Kinetic ทั้งทรงกลม ทรงสามเหลี่ยม และทรงบอลลูน ผสมผสานกับระบบแสง สี และเทคนิคพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีโซนพิเศษที่ผสมผสานกันระหว่าง Human Performance และ Laser Technology สร้างความกลมกลืนกัน ถือได้ว่าเป็นศิลปะของการใช้เลเซอร์ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวนั่นก็คือ "The Laser Act" โชว์ศิลปะการแสดงที่ผสมผสานระหว่างการยิงลำแสงเลเซอร์แบบคมชัด พร้อมกับลีลาของนักแสดง สร้างความแปลกใหม่และน่าติดตาม สำหรับโซนที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับบรรดาน้องๆนักศึกษาได้เป็นอย่างมากคือโซน Real Multimedia Mix เป็นการผสมผสานระหว่างหลายเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งอุปกรณ์ แสง สี เสียง บวกกับ Special Effect สุดล้ำ ได้แก่ "Hydro Screen" ฉากม่านน้ำสำหรับรองรับการฉายมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้เกิดภาพในอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ "Laser Symphony" การแสดงเลเซอร์ แสง สี เสียง สุดอลังการแบบจัดเต็ม ด้วยเทคนิคการยิงแสงเลเซอร์ออกมาเป็นสีสันต่างๆให้เข้ากับจังหวะเพลงตลอดการแสดงโชว์ ต่อด้วย "Dancing Drone" การควบคุมโดรนจำนวนมากพร้อมกับกำหนดลีลาการเคลื่อนไหวให้ความรู้สึกเหมือนโดรนมีชีวิต ด้วยการควบคุมโดรนทุกตัวผ่านการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว รวมถึง "Double Curtain Dropper" ที่มีระบบการควบคุมจังหวะและการปล่อยม่านเป็น 2 จังหวะ และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอย "Godin Bot" (โกแดง บอท) หุ่นยนต์ขนาดความสูงกว่า 3 เมตร สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาจากมือ สร้างประทับใจให้กับน้องๆได้เป็นอย่างมาก
ความรู้สึกของนักศึกษาที่ได้ร่วมงาน "Turn On 2018"
นายฐิติวัฒน์ ยังฮวด หรือ มาย นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จาก มหาวิทยาลัยเนชั่น ศูนย์เนชั่นบางนา ร่วมถ่ายทอดความประทับใจในงานนี้ว่า "ประทับใจการโชว์ "Shapeformation" เพราะว่าตัวมายเองเป็นคนที่ชอบงานอีเว้นท์อยู่แล้ว พอมาเห็นอะไรใหม่ๆมันทำให้เรามองได้ว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่มันจะสามารถนำไปต่อยอดให้กลายเป็นอีเว้นท์แบบไหนได้บ้าง มายได้รับประโยชน์หลายอย่างมากครับไม่ว่าจะเป็นความรู้ใหม่ๆ ได้เห็นเทคนิคในการจัดงานหลากหลายอย่างและสิ่งที่สำคัญมายได้รับแรงบันดาลใจช่วยให้เราสามารถคิดงานต่อในแบบไร้ขีดจำกัดและไม่หยุดนิ่งเหมือนอย่างที่อินเด็กซ์ฯได้ทำครับ"
ในขณะที่ นาย ฐิติพันธุ์ ขุนพิทักษ์ หรือ ตั๊ก นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะวิทยาการจัดการ สาขาการตลาด เผยความรู้สึกว่า "ผมประทับใจโชว์ที่เป็นการโชว์รางวัลที่อินเด็กซ์ฯได้รับ เพราะเป็นการนำเสนอนวัตกรรมต่างๆและสร้างสรรค์มากครับ มีการใช้เทคโนโลยีและเทคนิคพิเศษรวมถึงใส่ความเป็นครีเอทีฟลงไป ทำให้ผมจดจ่ออยู่กับการโชว์ตลอดเวลา ช่วยให้ผมได้ต่อยอดไอเดียในการนำเสนองานใหม่ๆแก่อาจารย์ครับ"
สำหรับแนวทางของการเปิดบ้านและจัดแสดงโชว์ทั้งหมดในครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงจุดเด่นในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้นวัตกรรม High-Technology ที่บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) นำมาผนวกเข้าไว้ด้วยกันจนกลายเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจแล้วยังถือเป็นการตอกย้ำในเรื่องของคุณภาพจากการได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก และเป็นบริษัทอีเว้นท์อันดับ 1 ของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่องมายาวนานถึง 28 ปี ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯยังคงให้ความสำคัญด้านการศึกษา เดินหน้ามอบความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ตรงผ่านไอเดียที่เป็นประโยชน์แก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ งานนี้เรียกได้ว่าน้องๆนักศึกษาได้แรงบันดาลใจกลับบ้านกันแบบเต็มอิ่มและพร้อมสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองได้ในอนาคตนั่นเอง