"เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์" กับการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว คาดกระจายหุ้นได้ภายในไตรมาส1/51

ข่าวทั่วไป Tuesday December 11, 2007 17:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์
บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ พร้อมเข้าเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้ว "เกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์" เผย ก.ล.ต.นับ 1 ไฟลิ่งแล้วตั้งแต่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา เตรียมเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป 100 ล้านหุ้น ในการนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ระดมทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ รองรับการเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้าในทุกรูปแบบของธุรกิจ
นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมายเลข 21 กล่าวว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อให้ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยขณะนี้ได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์บีฟิท จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Securities Brokerage) การค้าหลักทรัพย์ (Securities Trading) ที่ปรึกษาการลงทุน (Investment Advisory) การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Securities Underwriting) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) และ การจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund Management) และนอกจากบริษัทจะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจทั้ง 6 ใบข้างต้นแล้ว บริษัทยังได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการให้บริการการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การประเมินมูลค่ากิจการ การจัดหาผู้ร่วมทุน และการให้ความเห็นในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทเป็นตัวแทนการจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมต่างๆ อีกด้วย ถือเป็นบริษัทที่สามารถให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน
นายเกษมสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในอนาคตบริษัท มีเป้าหมายสูงสุดในการก้าวสู่การเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อนำไปสู่ความพึงพอใจในด้านการบริการที่ดี และมุ่งหวังให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดแก่ลูกค้า (Total Quality Financial Services) โดยบริษัทต้องการขยายฐานลูกค้าให้มีการเติบโตอย่างมั่นคง (Sustainable Growth) และในขณะเดียวกันยังมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนบัญชีที่มีความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ (Active Accounts) และรักษาฐานบัญชีเดิมให้มีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีทุนชำระแล้ว 500,000,000 บาท มีโครงสร้างผู้ถือหุ้น ดังนี้ กลุ่มปฐมศักดิ์ ถือหุ้น177,500,000 หุ้น หรือ 35.50% กลุ่มจันศิริ ถือจำนวน 58,333,340 หุ้น สัดส่วน 11.67% กลุ่มตวงสิทธิสมบัติ ถือ
จำนวน 50,000,000 หุ้น หรือ 10.00% กลุ่มเศรษฐีวรรณ ถือจำนวน 50,000,000 หุ้น หรือ 10.00 % กลุ่มชยาวิวัฒน์กุล ถือจำนวน 50,000,000 หุ้น หรือ 10.00%
โดยในครั้งนี้ บริษัทมีความประสงค์ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 16.67 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ภายหลังการหักค่าใช้จ่ายแล้ว ไปใช้ในการขยายธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายธนกฤต เอื้อสงวนกุล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์บีฟิท จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ อยู่ระหว่างขั้นตอนการรออนุมัติจดทะเบียนหุ้นสามัญทั้งหมดเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หลังจากที่ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา และหากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ คาดว่าจะสามารถกระจายหุ้นของ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ได้ภายในไตรมาสที่1/2551
เขากล่าวอีกว่า มั่นใจว่าหุ้นของ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นบริษัทที่สามารถให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน และประการสำคัญบริษัทมีผู้บริหาร และกลุ่มผู้ถือหุ้นที่มีประสบการณ์ในธุรกิจหลักทรัพย์ และยังมีการลงทุนในเครือข่ายในธุรกิจต่างๆหลากหลาย อีกทั้งยังมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง นอกจากนั้น การมีผู้ถือหุ้นและผู้บริหารที่เป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้า ทำให้บริษัทมีเครือข่ายที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสัมพันธ์กับผู้บริหาร และกลุ่มผู้ถือหุ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ
นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ยังสามารถที่จะเป็นเหมือนตัวเชื่อมให้บริษัทในการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างลูกค้าเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ในขณะเดียวกันผู้บริหารเป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวทางในการบริหารงานที่ทันสมัย และมุ่งมั่นที่จะสร้างองค์กรให้มีวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นระบบมืออาชีพ มุ่งเน้นความเป็นเลิศ และพัฒนาบุคลากรของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ และมีความรู้ความสามารถที่แข่งขันกับคู่แข่งทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคได้ จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้หุ้นของเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ