กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--ก.พลังงาน
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานของกระทรวงพลังงานอีก 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่2 ) พ.ศ.2550 และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 ได้มีการประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว โดยพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (11 ธ.ค.50) เป็นต้นไป และพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่2) มีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน(นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา) หรือประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ นับเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ ต่อการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการกำกับดูแลกิจการพลังงาน ได้แก่ ธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจการให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 89 ก. เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2550 มีเนื้อหาสำคัญ เพื่อให้มีการกำกับดูแลที่ครอบคลุมกิจการไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว โดยจะเป็นเครื่องมือและกลไก กำกับดูแลกิจการไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และบริหารกิจการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการกำหนดอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน และการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่
การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จำนวน 7 คน จะมีคณะกรรมการอิสระเข้ามาทำหน้าที่ กำกับดูแลการประกอบกิจการไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ ออกระเบียบ หรือประกาศข้อกำหนด มาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการประกอบกิจการ รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินงานของผู้ประกอบกิจการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส พร้อมมีมาตรการที่จะคุ้มครองผู้ใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติด้วย
การคุ้มครองผู้บริโภคและการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เป็นการกำหนดมาตรฐานการให้บริการ และการคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่ออุดหนุนค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ด้อยโอกาส และจัดให้มีการบริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึง กระจายความเจริญไปสู่ทุกภูมิภาค นอกจากนี้ ยังให้มีการจัดสรรเงินพัฒนาชุมชนให้แก่ท้องถิ่นอยู่ในเขตรอบๆ โรงไฟฟ้า หรือการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
การดูแลอสังหาริมทรัพย์ เป็นข้อกำหนดที่ว่าด้วยกระบวนการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้าง และบำรุงรักษาโครงข่ายไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ การสำรวจเพื่อหาสถานที่ตั้ง การเลือกแนวเขต การก่อสร้าง และซ่อมบำรุงรักษาระบบโครงข่ายพลังงาน จากเดิมอำนาจเหล่านี้จะอยู่กับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง และปตท. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค
สำหรับ พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 87ก .เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 นั้น เพื่อให้สามารถกำกับการใช้พลังงานและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้ครอบคลุมทุกภาคส่วน การใช้มาตรการจัดการพลังงาน และการเพิ่มกลไกการส่งเสริมและการกำกับดูแลด้านประสิทธิภาพของการผลิต การจำหน่าย อุปกรณ์ และเครื่องจักร ทั้งที่ใช้ในภาคเกษตร คมนาคมขนส่ง และที่อยู่อาศัย การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการอนุรักษ์พลังงานไม่ให้เป็นภาระต่อผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งการปรับปรุงขั้นตอนกฎระเบียบให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม