กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--สยามกลการ
"ยีเอส แบตเตอรี่" ครบรอบ 50 ปี ยังครองความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่เมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง เผยปี 60 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัวส่งผลตลาดแบตเตอรี่เติบโตขึ้นเดินแผนขยายตลาดรุกอาเซียนเพิ่มกำลังการผลิต 4.5 ล้านลูก เพื่อส่งออกประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมั่นใจปีนี้ตลาดเติบโตต่อเนื่อง
นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการด้านการวางแผนกลยุทธ์องค์กร (Executive Director & Strategic Planning) บริษัท สยาม ยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ นับเป็นปีที่ 50 ที่บริษัทฯ ได้นำ GS Battery เข้ามารุกตลาดในประเทศไทย และ ได้ก่อตั้งโรงงานผลิตในประเทศ เมื่อปี 2511 จนถึงปัจจุบัน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4 ล้านลูกต่อปี GS Battery สามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางการจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ทดแทน (REM) และช่องทาง OEM ถือเป็นความสำเร็จจากการได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้บริโภค และบริษัทรถยนต์มาอย่างยาวนาน
สำหรับในปี 2560 ที่ผ่านมา ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ปี 2560 กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจาก หดตัวต่อเนื่องกันมาหลายปี โดยแรงหนุนสำคัญมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อของประชาชนฟื้นคืนกลับมา ทำให้ยอดขายรถยนต์ปี 2560 นี้ สามารถปิดตัวเลขที่ประมาณ 872,000 คัน ส่งผลดีกับตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ และในปี 2561 ตลาดรถยนต์ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในหมวดรถยนต์นั่ง ซึ่งจะมีการเปิดตัวใหม่ออกมาอีกหลายรุ่น และกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งคาดว่าตลาดรถยนต์รวมปี 2561 น่าจะสามารถทำตัวเลขยอดขายได้กว่า 900,000 คัน คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับปี 2560
สำหรับแบตเตอรี่นั้น เป็นสินค้าจำเป็นที่ต้องใช้คู่กับรถยนต์ และต้องหาทดแทนทันทีเมื่อหมดอายุการใช้งาน การชะลอตัวของภาวะทางเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบบ้างในกรณีที่มีรถยนต์หยุดการใช้งาน แต่การที่มีรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี จะประคองความต้องการแบตเตอรี่ในตลาดรวม ได้การที่ตลาดรถยนต์เติบโตขึ้น ก็ส่งผลดีกับตลาดรวมของแบตเตอรี่ไปด้วย ในส่วนของผู้บริโภคนั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค จากการเลือกแบตเตอรี่ประเภท Maintenance Free (MF) มากขึ้น เพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย และประหยัดเวลาการดูแลรักษาจะเห็นได้จากยอดขายของบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด แบตเตอรี่รถยนต์ประเภท Maintenance Free (MF) มีการเติบโตมากกว่าร้อยละ 50 ส่งผลให้ GS Battery คงความเป็นผู้นำในตลาดสินค้า MF และตลาดรวมได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในด้านการผลิตแบตเตอรี่ ISS สำหรับรถ Idling start stop และกำลังศึกษาเทคโนโลยีในการประกอบแบตเตอรี่ Lithium Ion สำหรับรถยนต์ไฮบริด
นายประกาสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการมุ่งมั่นพัฒนาทั้งทางด้านการขาย และการผลิตเพื่อทำตลาดภายในประเทศแล้ว ทางบริษัทเองได้เล็งเห็นถึงความต้องการของแบตเตอรี่ ในภูมิภาคอาเซียน จึงเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯ จะขยายการทำตลาดในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยในขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้มีการเข้าไปลงทุนในประเทศเมียร์มา โดยที่เราได้ไปเปิดโรงงานแบตเตอรี่ที่นิคมอุสาหกรรมติละวา เนื่องจากเราได้เล็งเห็นการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 5 ปี ที่ผ่านมา รวมถึงในประเทศมาเลเซีย ที่ทางบริษัทฯ ได้เข้าไปซื้อหุ้น ของโรงงานผลิตในพื้นที่เขตปีนัง เพื่อที่จะสามารถบริการลูกค้าของเรา และตลาด OEM ในประเทศได้อย่างทั่วถึง รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ในอาเซียนอย่าง ลาว และกัมพูชา ขณะเดียวกันเรามีการประสานงานกับบริษัทแม่ เพื่อที่จะส่งออกไปในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จีน และตะวันออกกลางอีกด้วย
และในปี 2561 นี้ บริษัท ได้มีการขยายกำลังการผลิตเพื่อขึ้นจากเดิม 4 ล้านลูกต่อปี จะเพิ่มให้ได้ 4.5 ล้านลูกต่อปี และมีแผนระยะยาวไปถึงปี 2563 จะต้องผลิตให้ได้ถึง 5 ล้านลูกต่อปี เพื่อรองรับตลาดที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศในส่วนของผลประกอบการนั้นในปีที่ 2560 ที่ผ่านมา บริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด มียอดเติบโต ร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และในปี 2018-2019 ทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทั้ง 2 ปี เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับ 1 แบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย นายประกาสิทธิ์ กล่าวในที่สุด