กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ตลาดที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในปี 2550 คือ ตลาดคอนโดมิเนียมและภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
คอนโดมิเนียมระดับกลางยังคงสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อรุ่นใหม่ได้ โดยเฉพาะในโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ด้านคอนโดมิเนียมระดับหรูที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางกรุงเทพมหานครก็มีผลประกอบการที่ดี และราคาขายในโครงการใหม่ ๆ ก็มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีความโดดเด่น โดยมีปริมาณการขายพื้นที่อุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 เพิ่มขึ้นถึง 40% และโรงงานงานสำเร็จรูปให้เช่ายังคงสามารถรักษาอัตราการเข้าใช้พื้นที่ไว้ได้ในระดับที่สูงตลอดปี 2550
ด้านตลาดอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก พบว่ามีการชะลอตัว เนื่องมาจากความต้องการภายในประเทศที่ลดต่ำลง รวมทั้ง ธุรกิจโรงแรมเองก็ประสบกับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์ สำหรับตลาดบ้าน พบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บ้านจัดสรรใหม่ที่แล้วเสร็จมีปริมาณลดลง 22.7% และทาวน์เฮาส์ใหม่ลดลง 15.75%
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย ได้ให้ความเห็นว่า ในปี 2551 อนาคตของตลาดอาคารสำนักงานจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจหลังจากการเลือกตั้งและนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เป็นหลัก นอกจากนี้ ยังคงมีความต้องการบ้านทำเลที่ดี ซึ่งเห็นได้จากยอดขายที่สูงในโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ และการที่งานก่อสร้างถนนวงแหวนรอบนอกเสร็จสมบูรณ์จะเป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในอนาคต อีกทั้งยังจะมีโครงการบ้านอีกหลายโครงการเกิดขึ้นตามแนวเส้นทางแอร์พอร์ต ลิงค์ ที่มีกำหนดจะเปิดใช้ในปีหน้าหรือในช่วงต้นปี 2552
“ราคาคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อไปในปีหน้า โดยราคาคอนโดมิเนียมใหม่ในย่านรอบนอกของใจกลางเมืองจะปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ช้าลง เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จในทำเลดังกล่าว มากกว่าคอนโดมิเนียมที่การก่อสร้างยังไม่เริ่มต้นขึ้น ด้านตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในย่านใจกลางกรุงเทพ ฯ จะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากจำนวนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ใหม่ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในปีหน้า ส่วนตลาดโรงแรมหรูในกรุงเทพ ฯ คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น หากไม่มีสถานะการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มที่สดใส เพราะนโยบายของรัฐบาลในเรื่องรถประหยัดพลังงานขนาดเล็ก หรือ อีโคคาร์นั้นได้เริ่มกระตุ้นให้เกิดธุรกรรมในตลาดดังกล่าวแล้ว” นางสาวอลิวัสสากล่าวเสริม
ตลาดบ้าน
ตลาดบ้านประสบกับภาวะชะลอตัวโดยมีบ้านจัดสรรใหม่แล้วเสร็จเพียง 7,054 หลังและทาวน์เฮาส์ใหม่แล้วเสร็จเพียง 4,560 หลังในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ลดลง 22.7% และ 15.7 % ตามลำดับ ภายในสิ้นปี 2550 คาดว่า จะมีปริมาณที่พักอาศัยใหม่ลดลงราว 20% จากปี 2549
สำหรับปี 2551 การที่ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมรอบนอกเสร็จสมบูรณ์ได้ช่วยให้เกิดทำเลใหม่สำหรับการพัฒนาโครงการ ซึ่งสามารถเดินทางไปยังใจกลางเมืองได้โดยสะดวก ในปีหน้า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อผลประกอบการของตลาดบ้าน
ตลาดคอนโดมิเนียม
โดยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมมีความโดดเด่นกว่าตลาดอื่น ๆ แม้ภาวะเศรษฐกิจตลอดทั้งปีจะไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก ปริมาณคอนโดมิเนียมใหม่ในย่านใจกลางเมืองที่แล้วเสร็จจำนวน 50,000 ยูนิต ณ ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และคาดว่าจะแตะที่ระดับ 52,600 ยูนิตในช่วงสิ้นปี ด้านอัตราการเข้าพักในคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน พบว่า มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี จนกระทั่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 87%
ส่วนราคาขายโดยเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอเพิ่มขึ้นจาก 110,000 บาทต่อตารางเมตรในช่วงไตรมาสแรก มาเป็น 123,000 บาทต่อตารางเมตร ในช่วงสิ้นปี โดยเพิ่มขึ้นถึง 12% จากในช่วงต้นปี
การเกิด “สกายเทรน เจเนอเรชั่น” หรือ คนรุ่นใหม่ที่นิยมพักอาศัยใกล้กับระบบรถไฟฟ้า และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนที่อาศัยในเมือง ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลางในย่านที่อยู่ถัดจากใจกลางเมืองออกไป ภายในสิ้นปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมระดับกลางที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาระหว่าง 65,000 — 80,000 บาทต่อตารางเมตร แล้วเสร็จจำนวนทั้งสิ้น 1,656 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13.4% จากเมื่อปีที่แล้ว และในอีก 2 — 3 ปีข้างหน้า จะมีคอนโดมิเนียมระดับกลางที่แล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2,800 ยูนิต
ณ สิ้นปี 2550 จะมีคอนโดมิเนียมใหม่แล้วเสร็จในปี 2551 ราว 8,700 ยูนิต ซึ่งต่างจากปี 2550 ซึ่งมีประมาณ 6,300 ยูนิต คอนโดมิเนียมใหม่ที่จะแล้วเสร็จในอนาคต โดยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในย่านย่านสุขุมวิท และริมแม่น้ำและพระราม 3 ตามมาด้วยย่านสีลม / สาทร ปทุมวัน และลุมพินี “ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อตลาดคอนโดมิเนียมระดับหรูในย่านใจกลางเมือง เรายังคงเห็นถึงความต้องการที่มีอยู่มากจากทั้งผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติ” นางสาวอลิวัสสากล่าวเสริม
ตลาดอพาร์ตเมนต์ให้เช่าสำหรับชาวต่างชาติ
ตลาดอพาร์ตเมนต์ในเช่าสำหรับชาวต่างชาติยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีอพาร์ตเมนต์ใหม่เพิ่มขึ้น 6.6% และมีห้องชุดในคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จและนำมาปล่อยเช่าก็ตาม อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มที่จะ ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 89% ในปีที่แล้วมาอยู่ที่ระดับ 86% ในช่วงสิ้นปีนี้
ด้านจำนวนชาวต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตทำงานในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นเป็น 71,401 คน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2550 เพิ่มขึ้น 9.3% จากปีที่ผ่านมา
อัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยสำหรับอพาร์ตเมนต์ระดับเกรดเอในทุกทำเลลดลง 2 - 8% ในขณะที่อัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยสำหรับอพาร์ตเมนต์ระดับเกรดบีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย
ซีบี ริชาร์ด เอลลิสคาดว่า ตลาดอพาร์ตเมนต์จะยังคงเติบโตดีต่อไปในปี 2551 หากปริมาณชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จำนวนอพาร์ตเมนต์ในย่านใจกลางเมืองคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆที่ระดับ 3% ต่อปี ในขณะที่จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงขึ้น ด้านอัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยอาจจะคงที่ในระยะสั้น เนื่องจากงบประมาณในการเช่าบ้านของชาวต่างชาติไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่ทว่า ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ในใหม่และอพาร์ตเมนต์ที่ทำการตกแต่งใหม่อาจจะทำให้ค่าเช่าโดยเฉลี่ยได้ในระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น
ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
ณ สิ้นปี 2550 คาดว่า ปริมาณเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จะแตะที่ระดับ 10,756 ยูนิต เพิ่มขึ้น 21.6% ต่อปี แต่ปริมาณความต้องการกลับลดลง สืบเนื่องมาจากความไม่มั่นคงทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้ง ปริมาณความต้องการจากกลุ่มนักท่องเที่ยวก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยคาดว่าจะลดลงเหลือ 79% ณ สิ้นปี 2550 เปรียบเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ระดับ 83% ส่วนราคาห้องพักเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในปีนี้ คิดเป็นเพิ่มขึ้นเพียง 1%
การที่ปริมาณเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เพิ่มขึ้นจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาค่าเช่าและอัตราการเข้าพัก ในปี 2550 จะมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แล้วเสร็จอีกจำนวนมากกว่า 2,000 ยูนิต ทั้งนี้ แรงกดดันในด้านปริมาณเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และความต้องการในปัจจุบันที่อยูในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ อาจจะจำกัดการเติบโตในด้านอัตราการเข้าพักและอัตราค่าเช่าในปีหน้า เว้นแต่ความต้องการจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซีบี ริชาร์ด เอลลิสเห็นว่า จะมีปริมาณเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่มุ่งเน้นลูกค้ารายวันเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นการช่วยรักษาระดับรายรับของโครงการเอาไว้
ตลาดอาคารสำนักงาน
ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ เผชิญกับภาวะการชะลอตัวของแผนการขยายธุรกิจและมีบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพียงไม่กี่แห่งในปีนี้ อันมีสาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความวิตกกังวลในเรื่องกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ปริมาณการเข้าใช้พื้นที่สำนักงานใหม่มีจำนวนทั้งสิ้น 122,000 ตารางเมตร และซีบี ริชาร์ด เอลลิส คาดว่า ตลอดทั้งปี 2550 ปริมาณการเข้าใช้พื้นที่ทั้งหมดจะอยู่ที่ระดับ 150,000 ตารางเมตร ซึ่งจะน้อยกว่าปี 2549 อยู่ 26.5% และน้อยกว่าการเข้าใช้พื้นที่โดยเฉลี่ยในช่วงปี 2543 - 2548 ถึง 50% ด้านค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอก็ปรับตัวสูงขึ้นเพียง 2.2% เท่านั้น นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2550 จะมีปริมาณพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 7.47 ล้านตารางเมตร โดยในปีนี้มีพื้นที่สำนักงานใหม่เพิ่มขึ้น 150,000 ตารางเมตร
สำหรับตลาดอาคารสำนักงานในปี 2551 จะขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการที่แฝงอยู่ซึ่งมาจากบริษัทข้ามชาติต่างๆ โดยความต้องการดังกล่าวจะกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อทิศทางนโยบายต่อการลงทุนจากต่างชาติมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า หากนโยบายดังกล่าวมีความเป็นมิตรต่อนักลงทุนชาวต่างชาติมากขึ้น รวมทั้งมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดอาคารสำนักงานในปีหน้า ในปี 2551 พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 165,000 ตารางเมตร โดยส่วนหนึ่งมาจากอาคารจามจุรี สแควร์ บนถนนพระราม 4 ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 90,000 ตารางเมตร และอาคารอินเตอร์เชนจ์ 21 บริเวณแยกสุขุมวิท-อโศก จำนวน 45,000 ตารางเมตร
ตลาดธุรกิจค้าปลีก
โดยส่วนใหญ่ของปี 2550 ตลาดธุรกิจค้าปลีกต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัว ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจ พื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ ณ สิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 4.9% แม้ว่าปริมาณความต้องการพื้นที่ค้าปลีกจะมีไม่มากนัก แต่อัตราการเข้าใช้พื้นที่โดยเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับที่ดีที่ระดับสูงกว่า 90% ตลอดทั้งปี 2550 การที่ตลาดปนะสบกับภาวะชะลอตัวทำให้เป็นการยากที่จะเพิ่มราคาค่าเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าโดยส่วนใหญ่ นอกจากนี้ปริมาณการขายสินค้าโดยรวมยังคงอยู่ในระดับคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการหลายรายกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการค้าปลีกประเภทคอมมิวนิตี้ มอลล์ ด้านเทสโก้ โลตัส และ เซ็นทรัล ก็วางแผนที่จะพัฒนาโครงการประเภทนี้เช่นเดียวกัน โดยในปีหน้าจะมีคอมมิวนิตี้ มอลล์เกิดขึ้นในกรุงเทพฯไม่น้อยกว่า 7 แห่งด้วยกัน การเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่หันมาจับจ่ายใช้สอยใกล้บ้าน ได้เป็นตัวผลักดันให้เกิดโครงการประเภทคอมมิวนิตี้ มอลล์เพิ่มมากขึ้น และหากกฎหมายเรื่องการค้าปลีกและค้าส่งได้รับการอนุมัติและมีผลบังคับใช้จะยิ่งทำให้เป็นการจำกัดการพัฒนาโครงการค้าปลีกในอนาคต
ตลาดธุรกิจอุตสาหกรรม
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 มีการขายพื้นที่อุตสาหกรรมมากถึง 2,611 ไร่ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 ขณะเดียวกันตลาดโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าก็มีผลประกอบการที่ดีตลอดปี โดยมีอัตราการเข้าใช้พื้นที่ในระดับสูงที่ 86% ซึ่งบริษัทของชาวญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้เช่าหลักของตลาดนี้ เช่นเดียวกันกับตลาดพื้นที่อุตสาหกรรม
คาดว่าในปี 2551 ตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมจะยังคงมีแนวโน้มที่สดใส ด้วยมูลค่ารวมของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอที่เพิ่มขึ้นถึง 99% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2550 ซึ่งซีบี ริชาร์ด เอลลิสคาดว่าจะมีการซื้อขายพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นอีกใน 2551 พื้นที่อุตสาหกรรมใหม่ประมาณ 3,215 ไร่ที่เกิดขึ้นในปีนี้คาดว่าจะหมดไปอย่างรวดเร็ว เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีโค คาร์ มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ และช่วยกระตุ้นตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมในปีหน้า ทั้งนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยรักษาแรงขับเคลื่อนของตลาดในปีหน้า ก็คือ นโยบายการลงทุนของรัฐบาลใหม่ ที่ควรจะเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อนักลงทุน
ตลาดโรงแรม
โดยภาพรวมของตลาดโรงแรมระดับบน ซึ่งรวมถึงโรงแรมระดับหรูและระดับเฟิร์สคลาสในกรุงเทพฯ พบว่า ประสบกับภาวะชะลอตัวตลอดทั้งปี 2550 ในขณะที่โรงแรมที่ตั้งอยู่ในแหล่งพักผ่อนตากอากาศ อาทิ ภูเก็ตและเกาะสมุยกลับมีผลการดำเนินงานที่ดีต่างจากโรงแรมในกรุงเทพฯ ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยหรือเอดีอาร์ของโรงแรมระดับบนในกรุงเทพฯ เป็นที่คาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ระดับเพียง 70% ณ สิ้นปี 2550 ในขณะที่ปี 2549 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 75% แม้ว่าอัตราค่าห้องพักรายวันโดยเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 12.1% ต่อปีเมื่อเปรียบเทียบเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ 158 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคืนในช่วงไตรมาสที่ 3 และมีแนวโน้มว่าจะแตะที่ระดับ 170 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคืนในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบเป็นสกุลเงินบาท อัตราค่าห้องพักรายวันโดยเฉลี่ยกลับเพิ่มขึ้นเพียง 2% เท่านั้น
ซีบี ริชาร์ด เอลลิสคาดการณ์ว่าในปี 2551 จะมีปริมาณห้องพักในโรงแรมระดับบนในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ห้องซึ่งจะทำให้ปริมาณห้องพักเพิ่มขึ้นจากปี 2550 อีก 24% ชี้ให้เห็นถึงภาวะการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากปริมาณความต้องการห้องพักไม่ฟื้นตัวจากระดับปี 2550 ส่วนโรงแรมในย่านแหล่งท่องเที่ยวจะยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี อันมีสาเหตุมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซีบี ริชาร์ด เอลลิสยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดรีสอร์ตของไทย โดยเห็นได้ชัดจากการขยายตัวของสาขาในภูเก็ตและการเปิดสาขาใหม่ในเกาะสมุยและพัทยา ความเข้มงวดในเรื่องกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวยังคงเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เพราะความต้องการในย่านแหล่งที่พักตากอากาศล้วนมาจากชาวต่างชาติ ซีบี ริชาร์ด เอลลิสหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลใหม่ที่จะมีขึ้นหลังการเลือกตั้ง จะพิจารณาเพิ่มเพดานการถือครองกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมโดยชาวต่างชาติ รวมทั้งขยายการระยะเวลาการเช่าระยะยาวให้เป็น 99 ปี และอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินภายในประเทศได้เพื่อที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย
เกี่ยวกับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (NYSE:CBG) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส พร้อมด้วยบุคลากร 24,000 คนในสำนักงานมากกว่า 300 สาขาที่ให้บริการแก่เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อยทั่วโลก
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดสาขากรุงเทพ ฯ ครั้งแรกในปีพ.ศ.2531 และสาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานในระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร
กรรมการผู้จัดการ
02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัส
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร
02 654 1111 ต่อ 522