กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดให้บริการ SMEs Industry Transformation Center หรือ ศูนย์ SMEs – ITC ระยะที่ 1 ในนิคมอุตสาหกรรม 10 แห่งทั่วประเทศ เผยได้เชื่อมโยงเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนการให้บริการแก่เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ โดยมีการสนับสนุน อาทิ บริการให้คำปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหาธุรกิจ การต่อยอดนวัตกรรมและงานวิจัย การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆกว่า 50 บริษัท เช่น การให้ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยี การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การดำเนินงานด้านระบบซอฟท์แวร์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายโครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดพื้นที่ ภายในสิ้นปี 2561
นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสนองต่อนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมในการส่งเสริมเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ กนอ.จึงมีนโยบายในการจัดตั้ง SMEs Industry Transformation Center หรือ ศูนย์ SMEs – ITC ระยะที่ 1 ในนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 10 แห่ง โดยปัจจุบันได้ดำเนินการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบที่นิคมฯ แหลมฉบัง ที่มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้าน ชิ้นส่วนยานยนต์ โลจิสติกส์ และหุ่นยนต์ และในเดือนกรกฎาคมนี้จะเปิดให้บริการอีก 4 แห่ง ได้แก่
1) นิคมฯ ภาคเหนือ (ลำพูน) ที่มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อาหารและเกษตรแปรรูป
2) นิคมฯ บางปู มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
3) นิคมฯ บางปะอิน มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
4) นิคมฯ ภาคใต้ มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และยางพารา
ส่วนอีก 5 แห่ง จะเปิดให้บริการภายในเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งประกอบไปด้วย นิคมฯ เกตเวย์ซิตี้ ที่มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร นิคมฯ มาบตาพุด มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์จากพลาสติก นิคมฯ ลาดกระบัง มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และการแปรรูปอาหาร นิคมฯ บางชัน มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอาหาร และชิ้นส่วนยานยนต์ และนิคมฯ สมุทรสาคร มุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการด้านแปรรูปอาหาร
นายอัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับเคลื่อนงานบริการของศูนย์ SMEs – ITC กนอ.มีการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถาบันการศึกษา ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนประกอบด้วย
- ความร่วมมือระดับหน่วยงานภายใน มีการทำงานที่สอดประสานกัน ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ ศูนย์ SMEs Support & Rescue Centerศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรม (Business Service Center : BSC) และศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industrial Transformation Center) ที่กล้วยน้ำไท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนทั้งในด้านการเงิน เช่น สินเชื่อประชารัฐเพื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ( Micro SMEs) สินเชื่อเพื่อซื้อ/ขยายเครื่องจักร บริการปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหาธุรกิจ การทดสอบตลาด การต่อยอดนวัตกรรมและงานวิจัย การให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน ตลอดจนการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจด้วยระบบเทคโนโลยีและดิจิทัล เป็นต้น
- ความร่วมมือระดับหน่วยงานภายนอก ซึ่งจะเป็นการเชื่อมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ รวมทั้งความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หรือ Big Brother รวมกว่า 50 บริษัท ที่จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันหลากหลายมาให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีตัวอย่าง อาทิ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัท เดลต้า ประเทศไทย จำกัด ที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริม สนับสนุนให้กับกลุ่ม SMEs/Startup ทางด้านการพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ และบริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความรู้ในเรื่อง วิศวกรรมอุตสาหการ ด้านการออกแบบ พัฒนาวางแผน ควบคุม วิจัยดำเนินงานด้านระบบซอฟท์แวร์ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ให้ความรู้ในเรื่อง เทคโนโลยีในการประกอบอาหาร และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
นายอัฐพล กล่าวทิ้งท้ายว่า กนอ.มุ่งหวังให้ SMEs – ITC ทั้ง 10 แห่ง เป็นศูนย์กลางการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพพร้อมกับส่งเสริมให้ SMEs มีการเติบโตทั้งในระดับส่วนกลาง และภูมิภาค รวมทั้งคาดหวังให้ผู้ดำเนินธุรกิจเหล่านี้ได้มีโอกาสนำองค์ความรู้และเทคนิคต่างๆที่จะเกิดจากการใช้บริการศูนย์ SMEs – ITC มาปรับใช้ทั้งในทางตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่มีนวัตกรรม – ความสร้างสรรค์ รวมถึงปรับโมเดลธุรกิจให้มีความน่าสนใจและเพิ่มมูลค่าในทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม กนอ.ยังมีแผนเปิดศูนย์บริการดังกล่าวอีก 10 ศูนย์ ใ ในระยะที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดพื้นที่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในราวสิ้นปี 2561
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถนนนิคมมักกะสัน กรุงเทพฯ โทร. 0 2253 0561 ต่อ 1193