กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
ด้วยประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ดำเนินงานสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐ และสร้างสรรค์งานบริการภาครัฐสำหรับประชาชนมากว่า 7 ปี การเติบโตสู่ภารกิจที่สำคัญของ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA ตามที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานกลางของระบบรัฐบาลดิจิทัล ทำหน้าที่ให้บริการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล พร้อมเร่งเดินหน้าประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติสู่ Road map รัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ
ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวว่า DGA เตรียมผุดไอเดีย พร้อมเปิดแผน Digital Transformation ทั้งด้าน คน (Digital Literacy) และ Mindset กระบวนการ (Digital Transformation Program) และ กฎหมาย เช่น พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัล ภายใต้บทบาทใหม่ของDGA ที่มุ่งตอบโจทย์ให้สังคมไทยทราบว่า ประชาชนจะได้อะไรจากรัฐบาลดิจิทัล ที่กำลังจะก้าวไปสู่ระบบราชการ 4.0 ด้วย DGA Milestone ใน 1-2 ปีข้างหน้าดังนี้
1. ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทะเบียนข้อมูลดิจิทัลภาครัฐ (Government Data Exchange) (โครงการลดการขอสำเนาเอกสารราชการ)
2. ระบบบริการดิจิทัลภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service)
3. ศูนย์ข้อมูลกลางภาครัฐ (Government Data Center)
4. ศูนย์ข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data) และกรอบการกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance Framework)
5. ระบบติดต่อสื่อสารภาครัฐ (Unified Government Communication)
6. Government Secure Intranet (IT AS A UTILITY)
7. โปรแกรมการเปลี่ยนผ่านบริการภาครัฐสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation Program)
"ปัจจุบันรัฐบาลมุ่งหน้านำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรัฐเพิ่มขึ้นในทุกมิติ ทำให้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สังคมไทยจะก้าวเข้าสู่Cashless Society ผ่านโครงการสำคัญต่างๆ ที่อยู่ในแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย เช่น พร้อมเพย์ บัตรแมงมุม และ e-Tickets เป็นต้น และเมื่อไม่นานมานี้ก็ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลประกาศให้ทุกหน่วยงานของรัฐลดการขอสำเนาเอกสารราชการ (Less paper) โดยเฉพาะให้ยกเลิกการขอสำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชนในทุกบริการของรัฐภายในปีนี้ สำหรับภาคธุรกิจ ทางด้าน Doing Business จะเป็น One stop service อย่างแท้จริง นอกจากนี้ต่อไปทุกคนจะสามารถนำข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data) ให้ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านข้อมูลผ่านโปรแกรม Visualization ได้ง่ายๆ ซึ่งมีข่าวดีคือ ภายในปีหน้าเราจะประกาศ ชุดข้อมูลเปิดแห่งชาติ หรือ National Open Data set เวอร์ชัน 1 ประมาณ 300-500 data set ให้ประชาชนและภาคธุรกิจนำไป
ต่อยอดทั้งในด้านความรู้และสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ โดยใช้นวัตกรรมจากข้อมูลเตรียมพร้อมไปสู่การใช้ AI (Artificial intelligence) ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสร้างสรรค์และเหมาะสม"
สำหรับโครงการที่ต้องเร่งดำเนินการในปีนี้ คือ ทางสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ หรือ TDGA จะดำเนินการอบรม Data Scientist เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้บุคคลากรภาครัฐ สามารถวิเคราะห์ข้อมูล Big data ที่สำคัญเร่งด่วนในการพัฒนาประเทศและนำมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการทำงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้มากขึ้น เช่น ผู้มีรายได้น้อย ภัยพิบัติ ท่องเที่ยว เป็นต้น
ภารกิจสำคัญเหล่านี้ นับเป็นการเติบโตที่สำคัญของ DGA ที่เปลี่ยนผ่านจาก จาก Out-Sourcing หรือการรับงานดิจิทัลภาครัฐบางส่วนมาจัดการเอง เป็นระบบ Co-Sourcing ที่กลายเป็นเข้าไปร่วมอยู่ในโครงการของภาครัฐนั้นๆ การเปลี่ยนจาก Agency-Centric หรือดูแลหน่วยงานรัฐเป็นหลักมาเป็นCitizen-centric หรือการดูแลประชาชนเป็นหลัก การเปลี่ยนจากการสร้าง Infrastructure หรือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับภาครัฐมาเป็น Platformsซึ่งมุ่งเน้นมาตรฐานการใช้งานเป็นหลัก และเปลี่ยนจากการเป็น Agency Vendor ที่ทำงานรองรับหน่วยงานรัฐ มาเป็น Agency Partner การเป็นคู่คิดไปพร้อมกับหน่วยงานรัฐ เพื่อเปลี่ยนผ่านภาครัฐสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง