กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ โดยเลือกใช้หมวกนิรภัยแบบเต็มใบที่มีขนาดพอดีกับศีรษะ และมีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยสวมหมวกนิรภัยในลักษณะตรง ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง รวมถึงควรเปลี่ยนหมวกนิรภัย ทุกๆ 3 – 5 ปี พร้อมหลีกเลี่ยงการเก็บหมวกนิรภัยในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ใกล้แหล่งความร้อน เพราะทำให้พลาสสติกและโฟมหมดอายุการใช้งาน ส่งผลให้ไม่สามารถรองรับแรงกระแทกได้เมื่อประสบอุบัติเหตุ
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า วัสดุภายในหมวกนิรภัย ทำจากโฟม ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษสามารถยืดหยุ่นได้เมื่อถูกกระแทก จึงช่วยดูดซับและกระจายแรงไม่ให้ส่งไปยังสมองผู้ประสบอุบัติเหตุ ขณะที่วัสดุภายนอกมีความแข็งแรง จะช่วยปกป้องศีรษะไม่ให้กระแทกกับพื้นถนนโดยตรง จึงช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะผู้ขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์เลือกใช้และสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี ดังนี้ การเลือกใช้หมวกนิรภัย ควรใช้หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ ที่มีขนาดพอดีกับศีรษะ มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมวกมีน้ำหนักไม่มากเกินไป รวมถึงมีสีสันสดใส จะช่วยให้ผู้ขับรถคันอื่นมองเห็นอย่างชัดเจนในระยะไกล การสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี ให้สวมหมวกนิรภัยในลักษณะตรง ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง คาดสายรัดคางและปรับความตึงให้กระชับใต้คาง สายไม่พลิก บิดหรือหย่อน รวมถึงกระชับเพียงพอ ที่หมวกนิรภัยจะไม่หลุดออกจากศีรษะเมื่อประสบอุบัติเหตุ จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ ข้อควรระวัง ในการใช้หมวกนิรภัย ควรเปลี่ยนหมวกนิรภัยทุกๆ 3 – 5 ปี หรือภายหลังที่หมวกนิรภัยกระแทกพื้น หรือของแข็งอย่างรุนแรง เพราะวัสดุภายในหมวกนิรภัยจะเสื่อมสภาพและไม่สามารถรองรับแรงกระแทกได้เมื่อประสบอุบัติเหตุ สวมหมวกนิรภัยและคาดสายรัดคางทุกครั้งที่ขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ พร้อมใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเป็นระดับความเร็ว ที่หมวกนิรภัยสามารถรองรับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เก็บรักษาหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการเก็บ ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ใกล้แหล่งความร้อน เพราะทำให้พลาสติกและโฟมหมดอายุการใช้งาน ส่งผลให้ไม่สามารถรองรับแรงกระแทกได้เมื่อประสบอุบัติเหตุ ทั้งนี้ การสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธี ช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะได้ ร้อยละ 72 และลดการเสียชีวิตได้ ร้อยละ 39 เมื่อประสบอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัย ทุกครั้งที่ขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเดินทางในระยะทางใกล้หรือไกล ควรสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธีทุกครั้ง จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บรุนแรง และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน