กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
แบรนด์เครื่องประดับสุดไอคอนนิคจัดงานแสดงผลงานฝีมืออันประณีตที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 120 ปี พร้อมเปิดตัวโอ กูตูร์จากคอลเลคชั่น Fall/Winter 2018 เป็นที่แรกในเอเชีย ในงานกาลาดินเนอร์สุดเจิดจรัส ณ โรงแรม St. Regis กัวลาลัมเปอร์
สวารอฟสกี้ แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำระดับโลก จัดงาน "Brilliance for All" ระดับภูมิภาคประจำปีสุดเจิดจรัส ณ โรงแรม St. Regis กัวลาลัมเปอร์ โดยเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ตระการตาที่สุดที่สวารอฟสกี้เคยจัดขึ้นในกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก เมืองในฝันของใครหลายๆ คน นครที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศิวิไลซ์และมนต์เสน่ห์วัฒนธรรมอันงดงามนี้ถือเป็นหนึ่งในเมืองหลักและตลาดสำคัญของสวารอฟสกี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในปี ค.ศ. 1896 มร.แดเนียล สวารอฟสกี้ ได้กล่าวประโยคอันโด่งดังว่า "เพชร คืออัญมณีสำหรับราชวงศ์ แต่ผมอยากจะสร้างเพชรสำหรับผู้หญิงทุกคน" เจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างสรรค์ประกายเจิดจรัสให้กับผู้หญิงทุกคนนี้ สวารอฟสกี้ได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ธีมงาน "Brilliance for All" ในวาระครบรอบ 120 กว่าปีนับตั้งแต่แดเนียล สวารอฟสกี้ได้คิดค้นเครื่องตัดคริสตัลสำเร็จ นับเป็นการเปิดศักราชให้แก่คริสตัลยุคใหม่และเครื่องประดับจากคริสตัลทั่วโลก ค้นพบเทคนิคเจียระไนคริสตัลสุดล้ำสมัยที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ถือเป็นการปฏิวัติวงการเครื่องประดับส่งให้สวารอฟสกี้ขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าบนเวทีโลก
ค่ำคืนอันเจิดจรัสนี้ได้รวบรวมแขกผู้มีเกียรติและเซเลบบริตี้ชื่อดังทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์อันยาวนานของสวารอฟสกี้พร้อมเปิดตัว Fall/Winter 2018 Couture Collection, Fall/Winter 2018 "Crystal Tales" Collection และ Atelier Swarovski Exclusive Collection
หนึ่งในไฮไลท์ภายในงานครั้งนี้ คือ Swarovski Fall/Winter 2018 Couture Collection ผลงานโอ กูตูร์จากสวารอฟสกี้ที่จัดแสดง ณ ปารีสแฟชั่นวีคที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่สวารอฟสกี้นำผลงานตรงมาสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ที่เดียวในเอเชีย กับแรงบันดาลใจ 5 ลุคที่แสดงให้เห็นถึงซิกเนเจอร์และการดีไซน์เฉพาะตัวของสวารอฟสกี้ โดยคอลเลคชั่นสุดวิจิตรตระการตา นี้แสดงให้เห็นถึงผลงานฝีมืออันประณีตที่เรียงร้อยเรื่องราวและประวัติศาสตร์อันยาวนานด้วยฝีมือประดิษฐ์ชั้นเลิศ รวมถึงความร่วมมือและบทบาทสำคัญในวงการแฟชั่น นอกจากนี้ ผลงานงานโอ กูตูร์นี้สะท้อนให้เห็นการแรงบันดาลใจอันแรงกล้าและปรัชญาสุดคลาสสิคทื่เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนควรได้รับโอกาสที่จะเปล่งประกายเจิดจรัส
ผลงานชิ้นเอกทั้ง 5 ลุคเปล่งประกายไปด้วย Crystal Fine Mesh และ Crystal Pearls ปักมือโดยช่างฝีมือระดับสูง และใช้เวลาในการทำนานถึง 399 ชั่วโมง ประดับด้วยเม็ดคริสตัล คริสตัลสีดำ เฮมาไทต์สีดำ และโอปอลสังเคราะห์จากสวารอฟสกี้กว่า 1.2 ล้านเม็ด
ในทุกๆ ฤดูกาล ประกายเจิดจรัสของสวารอฟสกี้จะรับบทบาทที่โดดเด่น พร้อมเชิญชวนผู้หญิงให้ออกมาสำรวจและเปิดเผยแง่มุมที่หลากหลายของตัวเอง สำหรับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2018 นี้ คอลเลคชั่น 'Crystal Tales' อันเจิดจรัส เปรียบดั่งการเดินทางเข้าสู่โลกแฟนตาซี ด้วยเฉดสีของอัญมณี แต่งแต้มสีทอง เพิ่มบรรยากาศน่าหลงใหลให้กับทุกลุค ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืน เติมเต็มความเฟมีนีนด้วยรูปทรงสวยงามสะกดสายตา ไม่ว่าจะเป็นการเลเยอร์สร้อยคอยาวและจี้ชาร์ม แหวนค็อกเทลวงใหญ่ ดีไซน์อ่อนหวาน และต่างหูงดงามประณีต ตามแบบฉบับวิสัยทัศน์ของสวารอฟสกี้
นาตาลี โคลิน ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ของสวารอฟสกี้ ได้กล่าวว่า "ทุกวันนี้ ชีวิตประจำวันของเราได้รับผลกระทบจากข้อมูลและมลภาวะทางสายตาจำนวนมาก สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ชวนให้เราสับสน และจำเป็นต้องตื่นตัวอยู่เสมอ แต่โลกของเวทมนตร์คาถา และเทพนิยาย จะมอบที่พักใจให้เราได้หลีกหนีชีวิตประจำวันอันแสนวุ่นวาย โลกอันน่าหลงใหลนี้ คือแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่น Crystal Tales ในฤดูกาลนี้ ฉันต้องการที่จะนำเสนอโลกที่อบอุ่นและเปล่งประกายให้ผู้หญิงทุกคนได้เข้ามาพักใจ พร้อมรับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าและนิทาน เติมพลังและชีวิตชีวาด้วยงานดีไซน์อันประณีต และเปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นมาอีกครั้ง"
งานอันเจิดจรัสนี้ นอกจากจะเป็นการเดินทางมายังประเทศมาเลเซียเป็นครั้งแรกของนาตาลี โคลินแล้ว ยังได้จัดแสดงคอลเลคชั่น Atelier Swarovski Fall/Winter 2018 ที่ก่อตั้งในปีค.ศ. 2007 โดย นาเดีย สวารอฟสกี้ (Nadja Swarovski) เป็นครั้งแรกอีกด้วย คอลเลคชั่น Atelier Swarovski นำเสนอเครื่องประดับ เครื่องใช้ และของตกแต่งบ้านสุดล้ำสมัย ออกแบบสร้างสรรค์โดยได้รับความร่วมมือจากเหล่าสุดยอดฝีมือในวงการแฟชั่น เครื่องประดับ สถาปัตยกรรม และการออกแบบ โดยคอลเลคชั่นนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง Atelier Swarovski กับดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Peter Pilotto และ Mary Katrantzou รวมถึงต้อนรับการร่วมงานกันครั้งแรกของ บรรณาธิการบริหาร ไอคอนแห่งวงการแฟชั่น Anna Dello Russo และ Tabitha Simmons ดีไซเนอร์ชื่อดัง
ภายในงานได้จัดแสดง Atelier Swarovski Core Collection คอลเลคชั่น "Graceful Bloom" ไลน์เครื่องประดับ 8 ชิ้น ที่ได้แรงบันดาลใจจากประเทศญี่ปุ่น รังสรรค์เพื่อเอาใจกลุ่มตลาดเอเชียแปซิฟิคโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยงานที่ละเอียดและโก้หรูของคริสตัลสีชมพูกุหลาบและไข่มุกคริสตัลสีอมชมพูจากสวารอฟสกี้ ตัวแทนสัญลักษณ์แห่งความโชคดี สติปัญญา และความมั่งคั่ง
นับเป็นค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองให้กับเสน่ห์อันน่าหลงใหลของเครื่องประดับในแต่ละคอลเลคชั่น พร้อมตอกย้ำความสำเร็จตลอด 123 ปีในการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพชั้นเลิศ งาน "Brilliance for All" ยังได้ถือโอกาสต้อนรับเหล่า เซเลบบริตี้ เทรนด์เซ็ตเตอร์และดาราชื่อดังอย่างคับคั่ง จากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำเสนอ "Swarovski Brilliant 8: A Tribute to Women Who Sparkle" เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับช่วงเวลาแห่งความเจิดจรัสของผู้หญิง 8 คนที่มากด้วยความสามารถและประกายอันโดดเด่นจากทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวแทนแห่งความเจิดจรัสของแบรนด์ด้วยบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ Swarovski Brilliant 8 ประกอบไปด้วย นีโลฟา (Neelofa) เวนิซ มิน (Venice Min) มิว นิษฐา จิรยั่งยืน เมลิสซา โก (Melissa Koh) เอลิซาเบธ ราฮาเจง (Elizabeth Rahajeng) โอลิเวีย ลาเซอร์ดี้ (Olivia Lazuardy) มารี โลซาโน่ (Marie Lozano) และ นิโคล แอนเดอร์สัน (Nicole Andersson)
ปิดท้ายงาน "Brilliance for All" ค่ำคืนอันเจิดจรัสด้วยการแสดงสุดพิเศษจากศิลปินชื่อดังของมาเลเซีย Yuna และ DJ Curley
สวารอฟสกี้
สวารอฟสกี้นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภทที่เป็นหนึ่งในด้านคุณภาพ ฝีมือการประดิษฐ์ และความคิดสร้างสรรค์ หลังจากก่อตั้งขึ้นในออสเตรียเมื่อปี 1895 ปัจจุบัน สวารอฟสกี้ได้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายคริสตัลคุณภาพสูง อัญมณีแท้และอัญมณีสังเคราะห์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น เครื่องประดับ แอคเซสเซอรี่ และไฟส่องสว่าง ปัจจุบันบริหารงานโดยสมาชิกรุ่นที่ห้าของตระกูล โดยมีร้านค้าประมาณ 2,800 สาขาอยู่ใน 170 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานกว่า 27,000 คน และสร้างได้รายได้ประมาณ 2,600 ล้านยูโรในปี 2016
Swarovski Crystal Business จัดตั้ง Swarovski Group ขึ้นร่วมกับบริษัทในเครือ ซึ่งได้แก่ Swarovski Optik (ทัศนอุปกรณ์) และ Tyrolit (เครื่องมือเจีย ตัด ขัด เจาะ) ในปี 2016 Swarovski Group สร้างรายได้ 3,370 ล้านยูโร และมีการจ้างงานกว่า 32,000 ตำแหน่ง การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนและโลกใบนี้อย่างมีความรับผิดชอบเป็นมรดกตกทอดส่วนหนึ่งของสวารอฟสกี้ โครงการ Swarovski Waterschool มอบความรู้แก่ประชาชนทั่วโลกและเข้าถึงเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณแม่น้ำสายสำคัญที่สุดโลกมาแล้ว 461,000 คน ส่วน Swarovski Foundation ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 ได้ดำเนินงานเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม