กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นฟันเฟืองหลักที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย ได้สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นมูลค่ารวมถึง 2.75 ล้านล้านบาทในปี 2560 ซึ่งคิดเป็น 20% ของ GDF ประเทศไทย และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 35 ล้านคน โดยได้มีการตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นเป็น 37 ล้านคนในปี 2561 และตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อัพเดทสถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 ว่า "ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2561 นี้มีบรรยากาศที่ดีและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วมากกว่า 16 ล้านคน และมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า 48 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ให้ประเทศแล้วมากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ รวมทั้งการพัฒนายกระดับมาตรฐานคุณภาพของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบกับสถานการณ์โดยรวมดูดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทำให้เชื่อว่าปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้การท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้อีกมาก"
ปัจจัยบวกของภาคการท่องเที่ยวที่เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่ง คือแม็กเน็ตทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ โปรเจ็คยักษ์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไอคอนสยาม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปีนี้ จะเป็นจิ๊กซอร์สำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่มาช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย และดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี
จุดแข็งของการท่องเที่ยวของประเทศไทยคือความหลายหลาย ซึ่งวันนี้ เรามีทั้งความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีให้เลือกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทะเล ภูเขา น้ำตก แม่น้ำ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตความเป็นไทย ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวแบบสมัยใหม่ ที่เกิดใหม่ในรูปแบบต่างๆ มากมาย ตรงนี้ถือเป็นจุดแข็งที่น่าสนับสนุนให้เกิดขึ้น เพราะคือสิ่งที่ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่วยเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวและยังเป็นการช่วยลดความบอบช้ำของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้อีกแรงหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความหลากหลายในเรื่องของอาหารการกินซึ่งเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก รวมทั้งความหลากหลายในเรื่องของการเดินทางที่วันนี้ถือว่ามีความสะดวกสบายมากขึ้น
โดยกรุงเทพมหานครคว้าแชมป์อันดับหนึ่ง เมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุดในโลก จากการสำรวจเมืองที่เป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกโดยมาสเตอร์การ์ด เอาชนะมหานคร ชื่อดังของโลกอย่างลอนดอน ปารีส ดูไบ สิงคโปร์ นิวยอร์ก และโตเกียว ได้ถึง 2 ปีซ้อน คือปี 2559 และ 2560 โดยพื้นที่ที่เป็นหัวใจ และถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพมหานครในเชิงของการท่องเที่ยวที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากคือพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว เนื่องจากความสวยงามของทัศนียภาพและความหลากหลาย ที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, มิวเซียมสยาม และอีกมากมาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวแบบสมัยใหม่ ที่เกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เปิดมาแล้วก่อนหน้านี้แล้ว เช่น เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, ท่ามหาราช, ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค และโครงการยักษ์ที่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางชื่อดังระดับโลก ที่กำลังจะเปิดในช่วงปลายปีนี้ อย่างไอคอนสยาม
ณ ตอนนี้ ภาคการท่องเที่ยวกำลังจับตามองการมาของไอคอนสยาม เพราะเชื่อว่าไอคอนสยามจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่เข้ามาช่วยเติมเต็มการท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะช่วยเติมเต็มภูมิทัศน์ที่สวยงามของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สวยงามมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืน
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวปิดท้ายว่า "สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ถือเป็นปัจจัยบวกของภาคการท่องเที่ยวประเทศไทยคือ การพัฒนาในเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และความหลากหลาย ของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนเรื่องอาหารการกินซึ่งเป็นสิ่งดึงดูดใจที่สำคัญและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ช่วยกันเพิ่มเติมและเติมเต็มเส่นห์ให้กับการท่องเที่ยวประเทศไทย ทั้งหมดนี้ จึงเป็นปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน และทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าหากสถานการณ์ต่างๆ ยังเป็นไปในทิศทางที่ดีเหมือนในปัจจุบัน เราคาดว่าน่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561 ได้เป็นจำนวนรวมถึง 39 ล้านคน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 37 ล้านคน"