กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--เวิรฟ
คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงสัญชาติฝรั่งเศสที่เป็นเลิศในโลกแห่งเครื่องประดับและเรือนเวลานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1847 กว่า 170 ปี ที่คาร์เทียร์ได้โลดแล่นอยู่ในวงการและเป็นที่โปรดปรานของผู้คน คาร์เทียร์ได้สร้างสัมพันธ์ภาพกับราชสำนักต่างๆ และบุคคลสำคัญมากมาย ย้อนเรื่องราวไปกว่า 100 ปีที่แล้ว จิตวิญญานของ ผู้บุกเบิกคาร์เทียร์ได้ฝังลึกในหลุยส์ ฌาคส์ และปิแอร์ สามพีน้องตระกูลคาร์เทียร์ หลานของหลุยส์-ฟรองซัวส์ ผู้ก่อตั้ง คาร์เทียร์ ทั้งสามได้กลายเป็นผู้รังสรรค์อัญมณีที่เปี่ยมไปด้วยรสนิยม กรุยทางให้คาร์เทียร์โลดแล่นทั้งในปารีส ลอนดอน และนิวยอร์ก
หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) ฌาคส์ คาร์เทียร์ (Jacques Cartier) และปิแอร์ คาร์เทียร์ (Pierre Cartier) สามพี่น้องตระกูลคาร์เทียร์ผู้มากความสามารถ เป็นบุตรของอัลเฟรด คาร์เทียร์ (Alfred Cartier) และเป็นหลานของหลุยส์-ฟรองซัวส์ (Louis-Francois) ผู้ก่อตั้งคาร์เทียร์ แบรนด์เครื่องประดับอัญมณีระดับตำนานของโลกสัญชาติฝรั่งเศส ทั้งหลุยส์ ฌาคส์และปิแอร์ ได้ริเริ่มจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้รับการใส่ใจและได้ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ โดยพลิกโฉมอัญมณีของเหล่ามหาราชาและเดินตามความใฝ่ฝันที่จะเป็นที่โดดเด่นในเรื่องนาฬิกาควบคู่ไปกับการคิดค้นนาฬิกาข้อมือสำหรับนักบิน
บุรุษผู้เขียนตำนานให้กับนาฬิกาข้อมือ
หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) เกิดในครอบครัวผู้รังสรรค์อัญมณีและเป็นบุคคลสำคัญในการคิดค้นนาฬิกาแบบโมเดิร์นจนเป็นที่ยอมรับ หลุยส์ก่อตั้งคาร์เทียร์บูทิคขึ้น ณ สตูดิโอ เลขที่ 13 ถนนรูเดอลาเปซ์ (Rue de la Paix) กรุงปารีส ในปี 1899 และเป็นผู้รังสรรค์แหวนทรินิตี้ (Trinity Ring) นาฬิกาแทงค์ (Tank) และนาฬิกาซานโตส เดอ คาร์เทียร์ (Santos de Cartier) เขาไม่เคยหยุดเดินหน้าค้นหาความลงตัวระหว่างรูปทรงและการใช้งาน หลุยส์ได้ออกแบบนาฬิกาข้อมือยุคโมเดิร์นสำหรับผู้ชายพร้อมกับสร้างมิติใหม่ให้แก่สไตล์ของอัญมณี เขาใช้ลายเส้นแบบเรขาคณิตร่วมกับดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายและนวัตกรรมทางเทคนิค นำความคลาสสิคและจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกมาอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ดังที่พบได้ในนาฬิกาแทงค์ (Tank) เสื้อทักซิโดสีดำ กระดุมเสื้อเชิ้ตและแหวนทรินิตี้ (Trinity Ring) หลุยส์หลงไหลในความสง่างามและยึดถือศิลปะแห่งการใช้ชีวิตเป็นปรัชญาอันแน่วแน่ นาฬิกาแทงก์ (Tank) ผลงานชิ้นเอกของหลุยส์ ถือเป็นสิ่งประกาศเจตนารมย์ของเขาได้อย่างชัดเจน
จากปารีส สู่ลอนดอน
ฌาคส์ คาร์เทียร์ (Jacques Cartier) น้องชายคนเล็กของหลุยส์ ก่อตั้งคาร์เทียร์ บูติกที่ถนนนิวบอนด์สตรีท กรุงลอนดอนขึ้นในปี 1902 ฌาคส์ผสมผสานความสง่างามล้ำเลิศในด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าในแบบฉบับชาวอังกฤษจากย่านซาวิล โรว (Savile Row) ผสานเข้ากับความแหวกแนวที่สนุกสนานในสไตล์ลอนดอน จนสร้างเรื่องราวความหรูหราของสุภาพบุรุษขึ้นเป็นตำนานของตนเอง เรียกได้ว่าเป็นการจับคู่ผสมผสานความเป็นอังกฤษไว้โดยเฉพาะ ดังเช่นที่พบได้ในคอลเลกชันปองแตร์ (Panthere) อัญมณีชิ้นเล็กๆ ทว่าโดดเด่นด้วยประกายแวววับและอยู่เหนือความคาดหมายเสมอ เขายังได้เดินทางไปทั่วประเทศอินเดียและบาห์เรน ตลอดจนสร้างสายสัมพันธ์พิเศษกับราชวงศ์อังกฤษอีกด้วย
อิสระไร้ขีดจำกัดของเครื่องประดับสำหรับสุภาพบุรุษ
ปิแอร์ คาร์เทียร์ (Pierre Cartier) ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวนิวยอร์กอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 1909 ครั้งหนึ่งเขาได้จารึกประวัติศาสตร์ โดยแลกซื้อแมนชั่นหรูบนถนนฟิฟท์อเวนิวกับสร้อยคอไข่มุกเพื่อแปลงโฉมเป็นคาร์เทียร์บูทิคในมหานครนิวยอร์ก ปิแอร์ได้เก็บเกี่ยวพลังสร้างสรรค์ของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์เครื่องประดับที่สามารถใช้ได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างคอลเลกชัน Clou และ Love ความท้าทายครั้งนี้เป็นเสมือนการผลักดันให้เครื่องประดับหลุดออกจากกรอบค่านิยมแบบดั้งเดิมสู่อิสระไร้ขีดจำกัด ในยุคโมเดิร์น ความเป็นตัวตนของสุภาพบุรุษมีความชัดเจนมากขึ้นและเป็นอิสระจากขนบเดิมๆ ดังที่เห็นสุภาพบุรุษในแบบฉบับคาร์เทียร์ประดับเน็คไท คอปกเสื้อหรือปกเสื้อนอกด้วยเครื่องประดับสักชิ้นที่กลัดไว้อย่างมีชั้นเชิง
ทั้งหลุยส์ ฌาคส์ และปิแอร์ ได้ใช้จินตนาการ ความสง่างาม และจิตวิญญานของนักบุกเบิกเพื่อปูทางให้หลายสิ่งกลายเป็นความจริงขึ้นได้ รวมทั้งสร้างสรรค์สไตล์ที่ทรงพลังขึ้นได้อย่างโดดเด่นไม่มีใครเหมือน ทั้งในปารีส ลอนดอน และนิวยอร์ก
ค้นพบสไตล์อันสง่างามสำหรับสุภาพบุรุษตามแบบฉบับของคาร์เทียร์ได้ที่ คาร์เทียร์บูติค สยามพารากอนและ ดิเอ็มโพเรียม