กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยยังผันผวนต่อ แม้เศรษฐกิจประเทศไทยและภูมิภาคมีแนวโน้มขยายตัวดี เหตุนักลงทุนกังวลการแจ้งงบไตรมาส 2/2561 กลุ่มแบงก์คาดทำกำไรต่ำกว่าไตรมาสที่แล้ว ตามภาวะการแข่งขันด้านการยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตอล แต่ราคาน้ำมันที่ผันผวนและคาดการณ์ว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยตามแผนอีก 2 ครั้งในปีนี้จากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตแข็งแกร่ง โดยให้กรอบดัชนี 1,605-1,640 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นเด่นกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ด้านทองคำเล่น swing short เน้นปิดทำกำไรเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน คาดราคาทองมีโอกาสทดสอบ 1,200 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง แม้ยังมีหลายปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจประเทศไทยและภูมิภาคมีแนวโน้มขยายตัวดี จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในช่วงไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาด โดยชะลอตัวลงจากระดับ 6.8% ในไตรมาส 1/2561 แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ตลอดปีที่ระดับ 6.5%
และแนวทางการเลือกตั้งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตาม Roadmap ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คนที่สนช.เห็นชอบเตรียมประชุมนัดแรกวันที่ 31 ก.ค. นี้ เพื่อเลือกประธาน โดยกกต.ที่ยังขาดอีก 2 คนคาดชัดเจน ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ อาทิ การประกาศผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/2561 ในสัปดาห์นี้ ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน เพราะคาดการณ์ว่ากำไรของแบงก์ใหญ่มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตอล ประกอบกับราคาน้ำมันที่ผันผวนสูงส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน
นอกจากนี้ มุมมองของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐที่ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และอัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปของ FED ยังคงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม ทำให้เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งตามแผน และเป็นผลให้ Fund Flow ยังคงผันผวน โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ควรติดตามในวันที่ 18 ก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และหุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวดครึ่งปี 2561 ภายในวันที่ 20 ก.ค.
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวน โดยมองกรอบดัชนี 1,605-1,640 จุด ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเก็งกำไรหุ้น KCE, CPF และ GFPT ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า BANPU อานิสงส์จากราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น 17 วันทำการมาอยู่ที่ระดับ118 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้น 9% รวมทั้งหุ้น domestic play ได้แก่ CPALL, ROBINS, HMPRO และ BEM
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเยือนยุโรปเพื่อประชุม G7 และ NATO ของผู้นำสหรัฐฯไม่ถือว่าราบรื่นนัก หลังจากที่เขาสร้างความไม่ลงรอยไปทั่ว ในขณะที่ภารกิจสุดท้ายที่จะพบกับผู้นำรัสเซียได้สร้างความกังวลให้กับตลาดการเงินจากความขัดแย้งกันในหลาย ๆ ด้าน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าว แต่ถือเป็นผลดีสำหรับราคาทองคำให้ชะลอการทำ new low ออกไป
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมีมุมมองต่อภาพระยะสั้นของทองคำว่า ไม่ว่าผลการพบกันระหว่างปูตินกับทรัมป์จะออกมาอย่างไร แนวโน้มของราคาทองคำจะยังคงเป็นขาลงที่มีโอกาสทดสอบระดับ 1,200 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ราคาในประเทศปรับตัวลดลงจนออกจากกรอบ sideway ในปัจจุบันได้ ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนเล่น swing short โดยเน้นปิดทำกำไรเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน