กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--พีอาร์ดีดี
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศ 1กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ (SCBGPROP) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2560-วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ในอัตราหน่วยละ 0.1556 บาทต่อหน่วย ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 นี้ ซึ่งนับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 3 รวมเป็นจำนวนเงิน 0.4056 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 4 ต.ค. 2559)
โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ เป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่เป็นบวก มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 6.51% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 2.10% ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 5.67% และตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.32% (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ก.ค.61) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF WORLD REAL ESTATE SECURITIES FUND ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งมีนโยบายเน้นบริหารเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนใน REIT ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ภายใต้การบริหารจัดการของ BlackRock Investment Management (UK) Limited จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS (มาตรฐานเพื่อการซื้อขายกองทุนข้ามประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป: Undertaking for Collective Investments in Transferable Securities)
ทั้งนี้กองทุน BGF WORLD REAL ESTATE SECURITIES FUND ซึ่งเป็นกองทุนหลักเน้นลงทุนใน REITs และหุ้นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้กองทุนมีความผันผวนต่ำกว่ากองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว โดยกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น ที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม และอาคารพาณิชย์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการกระจายลงทุนในภูมิภาคต่างๆ มากกว่า 10ประเทศทั่วโลก ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมากกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ REITs โดยที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจรอบโลกยังคงสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตของจีดีพีอย่างคงที่ในปี 2561 ประมาณ 2.8% รวมถึงปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ประกาศในไตรมาสแรก ที่สูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ โดยธุรกิจที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่พักอาศัย ส่วนการลงทุนในเอเชียยังคงต้องคัดเลือกเป็นรายอุตสาหกรรมทั้งใน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ขณะที่ยุโรปตลาดที่โดดเด่น คือกลุ่มอาคารพาณิชย์ และที่พักอาศัย
สำหรับความน่าสนใจของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในตลาดโลก คือผลตอบแทนที่น่าสนใจซึ่งเหนือกว่าอัตราเงินเฟ้อ และการประมาณการกระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่า ซึ่งกองทุน SCBGPROPถือเป็นทางเลือกเพื่อการลงทุนในระยะยาวนอกเหนือจากการลงทุนในสินทรัพย์ปกติอย่างเช่นหุ้นและตราสารหนี้ ในช่วงสภาวะตลาดที่ผันผวนและอัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนและสามารถเพิ่มผลตอบแทนเมื่อปรับด้วยปัจจัยความเสี่ยงแล้วของพอร์ตลงทุนโดยรวม ทั้งนี้ลักษณะเฉพาะของหลักทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีความสัมพันธ์กับความผันผวนของตลาดต่ำ low beta และมีอัตราเงินปันผลสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ซึ่งสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำคือ อยู่ที่ประมาณ 3-4% ของพอร์ตการลงทุน