กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--พรรคชาติไทย
อรรฆชัย ตระการศาสตร์ (ทนายต่อ)
ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส. แบบแบ่งเขตพรรคชาติไทย
เบอร์ 4 เขต 4 (บางซื่อ หลักสี่ จตุจักร พญาไท)
คำว่า “เบื่อ” นั้น คือ จุดเริ่มต้นทางการเมืองของ อรรฆชัย ตระการศาสตร์ หรือที่ใครๆ ในย่านจตุจักรรู้จักกันดีคือ ทนายต่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคชาติไทย ที่ต้องบอกว่าเป็น “ดาวรุ่ง” ที่น่าจับตามองเลยทีเดียว
ด้วยเขต 4 บางซื่อ หลักสี่ จตุจักร และพญาไท นั้น มีลูกป๋าเหนาะ เข้าลงแข่งในเขตนี้ด้วยเช่นกันดังนั้นจึงมีกลยุทธ์ที่น่าจับตามอง “อรรฆชัย” หรือทนายต่อ แม้ว่าจะเป็นหน้าใหม่ในเวทีเลือกตั้งก็จริง แต่หากพลิกด้วยประวัติด้านการงานแล้วไม่เบาทีเดียว กับอาชีพด้านทนายความประจำสำนักงานเกษม สรศักดิ์เกษม ตั้งแต่ปี 2540-2543 ขณะนั้น(เกษม สรศักดิ์เกษม) ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษากฎหมายของพรรคชาติไทยและรองเลขาธิการพรรคชาติไทย จากจุดนี้เองจึงเดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการลงสมัครในสนามเลือกตั้งครั้งนี้
เริ่มต้นด้วย….กับแนวคิดของ “ศูนย์กฎหมายเขต” ...จากประสบการณ์ในอาชีพทนายความ มากกว่า 10 ปี มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้อย่างหลากหลาย จุดสำคัญของปัญหาคือ ประชาชนที่ไม่รู้กฎหมาย มักถูกเอารัดเอาเปรียบ จาก ผู้ที่รู้กฎหมายหรือผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีเกิดข้อพิพาท กับบุคคลดังกล่าวนั้นหรือไม่ก็ตามและเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะหันไปพึ่งพาหน่วยงานของรัฐ ก็มักติดขัดที่เงื่อนไขบ้าง ข้อกฎหมายบ้าง วิธีการบ้าง หรือแม้แต่ติดขัดที่ตัวเจ้าหน้าของรัฐไม่ให้ความสะดวกหรือร่วมมือในการแก้ปัญหาให้ประชาชนดังกล่าว
จากจุดนี้เหล่านี้จึงมีแนวคิดที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ประชาชนโดยเฉพาะประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ ต้องได้รับความช่วยเหลือหรือบำบัดทุกข์ได้ในเบื้องต้น ทั้งก่อนมีและหลังมีข้อพิพาท โดยต้องการผลักดันให้เกิดโครงการคลินิกกฎหมายท้องถิ่น โดยใช้ชื่อว่า “ศูนย์กฎหมายเขต”
ชูนโยบายลงสมัคร
จะจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการกฎหมายเขต” ในทุกเขตในกรุงเทพมหานคร (และเป็นไปได้จะผลักดันให้เป็นนโยบายของชาติให้ทุกอำเภอต้องมี) จะใช้เขตจตุจักร บางซื่อ หลักสี่ และพญาไท เป็น “เขตนำร่อง หรือเขตต้นแบบ” พร้อมกันนี้บุคลากรที่จะเข้ามาทำงานในศูนย์อำนวยการกฏหมายเขต คือ ทนายความที่มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยจะประสานงานยังสภาทนายความ เพราะมีทนายความเหล่านี้ขึ้นทะเบียนทุกวัน วันละ 5-10 คน ซึ่งหากมองอีกมุมเท่ากับเป็นการนำทนายความเหล่านี้มาเรียนรู้งานในสถานการณ์จริง อีกทั้งภายในศูนย์อำนวยการฯ จะรับสมัครบุตร-หลานของประชาชนในเขตหรือท้องถิ่นนั้นๆ ที่กำลังศึกษากฎหมายชั้นปีที่ 3 — 4 มาฝึกงาน ซึ่งจะส่งผลดีในการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่บุตร-หลานให้เกิดความรักในเขตหรือท้องถิ่นของตนเอง ทนายต่อ ขอทิ้งท้ายว่า แม้จะไม่ได้รับเลือกเป็นผู้แทนครั้งนี้ ตนก็จะขอผลักดันเรื่อง “ศูนย์อำนวยการกฏหมายเขต” ให้จงได้
จบการศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝึกอบรมการว่าความที่สภาทนายความและสำนักงานทนายความ(ตามหลักสูตรทนายความ) เป็นทนายความประจำ สำนักงานเกษม สรศักดิ์เกษม ทนายความ เป็นประธานที่ปรึกษากฎหมายในเครือ เอฟ.เอ.กรุ๊ป ก่อนลาออกเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตที่ 4 บางซื่อ ,จตุจักร,พญาไท,หลักสี่