กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--พรรคเพื่อแผ่นดิน
จากจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ชั้นแนวหน้าของประเทศ ด้วยบทบาทและหน้าที่รายงานข่าวสารความเคลื่อนไหวในแวดวงการเมือง สังคม และเศรษฐกิจในฐานะสื่อมวลชน ต่อคนไทยทั้งประเทศนานหลายปี “กษิติ กมลนาวิน” กับ… การได้รับโอกาสให้เข้ามารับใช้ประเทศชาติในฐานะ “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” (ดร.สุวิทย์ ยอดมณี) ในคณะรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ภายหลังการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549
จากจุดเริ่มต้น…เหล่านี้ ส่งผลให้ “กษิติ กมลนาวิน” มีหนึ่งความตั้งใจจริงที่จะก้าวสู่เส้นทางการเมือง ในฐานะ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แบบแบ่งเขต ในนามพรรคเพื่อแผ่นดิน เบอร์ 1 เขต 9 ธนบุรี คลองสาน บางกอกใหญ่ และจอมทอง ด้วยแนวคิดที่ว่าจะขอทำ “นำคุณภาพชีวิตสากล สู่ชุมชนชาวไทย”
หนึ่งปีกับบทบาท “ที่ปรึกษารมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา”
นับเป็นช่วงเวลาของการทำงานที่ท้าทายซึ่งความรู้และความสามารถของ “กษิติ กมลนาวิน” อย่างมาก เมื่อต้องทำงานรับใช้คนไทยภายใต้ภาวะวิกฤตของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้งของคนในสังคม ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทย พร้อมๆ กับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของประเทศที่ “กษิติ กมลนาวิน” ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ดร.สุวิทย์ ยอดมณี) จะต้องทุ่มเททั้งกายและใจ พร้อมความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่ อาทิ การจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ภาคฤดูร้อน การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ พร้อมๆ กับอาเซียนพาราเกมส์ ซึ่งประเทศไทยจะต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีของคนไทยทั้งชาติ
นอกจากนี้คืองานด้านการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศหลายแสนล้านบาทต่อปี
ปัญหาหลักของคนไทยในมุมมองของกษิติ
“จากการที่ผมใช้ชีวิต และทำงานในประเทศฝรั่งเศสนานนับ 10 ปี ทำให้ผมได้เรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนในต่างแดนอย่างหลากหลาย รวมทั้งได้เรียนรู้ถึงแนวทาง และกระบวนการของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนที่นั้น และกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ที่ผมได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงาน พร้อมๆ กับผู้บริหารและผู้นำของประเทศหลายๆ ท่าน และจาก หนึ่งปีเต็มกับการทำงานรับใช้คนไทยในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ดร.สุวิทย์ ยอดมณี) ทำให้ผมรู้ว่าปัญหาหลักของคนไทย คือ เรื่องของคุณภาพชีวิต ทั้งเรื่องปัจจัยสี่ ตลอดจนปากท้อง ความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทย ด้วยประสบการณ์ในต่างแดน และด้วยความรู้ความสามารถของผม ผมจึงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่กับแนวทางที่ว่า “นำคุณภาพชีวิตสากล สู่ชุมชนชาวไทย”
ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่มีการพัฒนาก้าวหน้าที่สุดในโลก และเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้คนในประเทศอย่างดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลกเช่นเดียวกัน และผมเองก็เชื่อมั่นว่าคนไทยทุกๆ คนย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและดีที่สุดในโลกไม่แพ้ชาติใดๆ คนไทยทุกๆ คนต้องมีงานทำตามความรู้ความสามารถ ตกงานรัฐต้องดูแลอย่างเมาะสม ข้าราชการ พ่อค้า แม่ค้า หรือลูกจ้างต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและเหมาะสม คนไทยไม่ว่ารวยหรือจนต้องได้รับการรักษาพยายามอย่างดีที่สุดจากรัฐ ด้านการศึกษาใครที่อยากเรียนและเรียนได้ ต้องได้เรียน รัฐบาลต้องดูแลด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงทั่วประเทศ บุคคลากรด้านการศึกษาต้องพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถอย่างเหมาะสมทั่วประเทศ เด็กไทยทุกๆ คนต้องได้เรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบ ทุกๆ คนต้องคิดเป็น ทำเป็น และพัฒนาสู่ความเป็นเลิศได้เหมือนๆ กัน เพราะการศึกษาถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ
การเมืองไทยเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน
หลายคนบอกว่าการเมืองไทยวันนี้ยังไม่พัฒนา ผมคิดว่าวันนี้การเมืองไทยต้องพัฒนา ทุกๆ คนต้องช่วยกัน การเมืองไม่ใช่เรื่องของนักการเมืองเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของคนไทยทั้งประเทศ การเมืองเริ่มจากการเลือกตั้ง คนไทยเริ่มต้นพัฒนาการเมืองได้จากการเลือกตั้ง หากทุกๆ คนมองย้อนกลับไป 8 ปี 10 ปี ว่าที่ผ่านมาสส. ที่เราเลือกทำให้เกิดการพัฒนาการเมือง การพัฒนาชุมชน หรือสังคมไทยอย่างไรบ้าง หากวันนี้คุณภาพชีวิตของเรา คนไทยยังเหมือนกับเมื่อวันวาน เหมือนกับเมื่อ 8 ปี 10 ปี เราก็อย่าเลือกเขาเหล่านั้น แต่จงกล้าที่จะให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ เข้ามารับใช้ และสังคมไทยยุคใหม่บ้าง ผมมองว่า “สส. จะต้องเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง คุณภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้น”
“กษิติ กมลนาวิน” ได้ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าฟังว่า “เมื่อคนเรามีหลักประกันชีวิต ครบทุกด้าน ชีวิตก็มีความมั่นคง ที่เรียนก็มี บ้านก็มีอยู่ งานก็มีทำ ตกงานก็มีเงินกิน แก่ตัวไปรัฐบาลก็เลี้ยง ปัญหาต่างๆ จะลดลง เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาสุขภาพ ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด ฯลฯ”
ในยุคของการเรียกร้องหา “คนดี” มารับใช้ประเทศชาติ คนไทยต้องยอมรับและเปิดใจให้กว้างกับการเปลี่ยนแปลง การเปิดโอกาส และสร้างทางเลือกเส้นใหม่ให้กับตนเอง คือหนทางของการพัฒนาการเมืองไทย สำหรับสังคมไทยยุคใหม่