กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--Communication Arts
ในช่วงนี้ เด็กๆ เปิดเทอมและมีบางสถาบันที่หยุดเรียนภาคฤดูร้อนซัมเมอร์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ว่าเวลาไหน เด็กๆ ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ ความบันเทิงและการเชื่อมต่อกับเพื่อนได้ อย่างไรก็ตาม อาชญากรไซเบอร์และนักล่าที่แสวงหาเหยื่อที่เป็นเด็กและครอบครัวชอบใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทางในการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ ส่งเนื้อหาที่เป็นอันตรายเพื่อให้ได้สิ่งต่างๆ ที่ต้องการเช่น การขโมยข้อมูลและแอบใช้บัญชีไปใช้ในทางที่ผิด โจรกรรม และเลวร้ายถึงก่ออาชญากรรม
ฟอร์ติเน็ตซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันระบบรักษาความปลอดภัยแบบไซเบอร์แบบบูรณาการและแบบอัตโนมัติ จึงขอแนะนำสิ่งที่คุณสามารถช่วยให้เด็กๆ มีกิจกรรมออนไลน์ที่อย่างปลอดภัย ดังนี้:
ควรพูดคุยกับบุตรหลานของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคาดหวังต่อพวกเขาด้านออนไลน์ – คุณควรพิจารณาวิธีการจำกัดขอบเขต ซึ่งรวมถึงกฎเกี่ยวกับระยะเวลาที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้คอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าได้ โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่เขาใช้ได้ และประเภทของกิจกรรมต่างๆ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ทำได้ ตามอายุ ความเหมาะสม ความรู้และวุฒิภาวะของแต่ละคน
สอนให้เห็นความสำคัญของการเก็บข้อมูลส่วนตัว – การโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลและรูปถ่ายบนอินเทอร์เน็ตอาจเป็นอันตรายเนื่องจากผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้ เมื่อมีการโพสต์ข้อมูลแล้ว เด็กๆ อาจรับผลกระทบในภายหลังในระยะยาว เนื่องจากจะลบข้อมูลในออนไลน์สาธารณะออกได้ยาก คุณต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนไซต์โซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งการตั้งค่าเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นค่าตามค่าเริ่มต้นของระบบ และคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า เด็กจะเข้าใจว่า:
- อย่าให้ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล รหัสผ่าน ที่อยู่ ชื่อโรงเรียนหรือรูปภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ
- อย่าตอบสนอง (เช่น เปิด คลิก ส่ง) ต่อข้อความที่แปลกปลอมหรือเป็นอันตราย
- อย่าเปิดอีเมลหรือเอกสารแนบจากคนที่เด็กๆ ไม่รู้จัก
- อย่านัดพบกับคนที่ได้คุยกันทางออนไลน์
ถ้าเด็กๆ เห็นบางสิ่งบางอย่าง ให้พูดออกมา – คุณควรพูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับอันตรายของอินเทอร์เน็ตเพื่อให้พวกเขารู้จักพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่น่าสงสัย ให้บุตรหลานของคุณรู้ว่าหากพวกเขาเห็นอะไรบางอย่างในเว็บไซต์ อีเมลหรือห้องสนทนาที่ไม่ถูกต้อง หรือทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจ เขาสามารถเข้ามาปรึกษากับคุณได้ตลอดเวลา
รู้ถึงกิจกรรมทางคอมพิวเตอร์ – คุณควรรู้ว่าบุตรหลานของคุณทำอะไรในคอมพิวเตอร์ รวมถึงเว็บไซต์ใดที่พวกเขากำลังเยี่ยมชมอยู่ หากพวกเขากำลังใช้อีเมล ส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีหรือใช้ห้องสนทนา ให้แน่ใจว่าคุณรู้ว่าเด็กๆ กำลังติดต่อสื่อสารกับใคร และเด็กๆ รู้จักคนที่พวกเขากำลังพูดอยู่ด้วย
วางคอมพิวเตอร์ไว้ในพื้นที่กลางบ้าน – หากคุณวางคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ทั่วไปกลางบ้าน คุณจะสามารถตรวจสอบกิจกรรมทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันเด็กๆ ไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำและยังช่วยให้คุณมีโอกาสในการแทรกแซง หากคุณสังเกตเห็นพฤติกรรมที่อาจมีผลเสีย
ใช้ประโยชน์จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ - ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางรายเสนอบริการ (บางครั้งฟรี) ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเด็กๆ ทางออนไลน์ โดยการจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์และคุณลักษณะด้านการสื่อสาร เช่น อีเมล แชท และการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีได้ตามอายุ เนื้อหาเวลาและหมวดหมู่อื่นๆ ซึ่งคุณควรติดต่อผู้ให้บริการของคุณเพื่อใช้บริการเหล่านี้
พิจารณาการใช้โปรแกรมควบคุมโดยผู้ปกครอง – คุณอาจตั้งค่าโปรแกรมการควบคุมโดยผู้ปกครอง (Parental controls) ที่มีอยู่ในเว็บเบราเซอร์ เนื่องจากเบราว์เซอร์บางประเภทช่วยให้คุณสามารถจำกัดหรืออนุญาตให้เข้าดูได้เฉพาะบางเว็บไซต์เท่านั้น และคุณควรใส่รหัสผ่านไว้เพื่อป้องกันการที่เด็กๆ จะเข้ามาเปลี่ยนค่าที่คุณตั้งไว้ นอกจากนี้ คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ เพื่อเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติม โดยมักจะเป็นการเฝ้าติดตาม (Monitoring) กรอง (Filtering) และจำกัด (Restricting) การเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นอันตราย
เนื่องจากทุกครอบครัวมีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน คุณจึงควรทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของคุณ รวมถึง คุณควรสำรวจสิ่งต่างๆ ของคุณเอง และปรึกษากับที่ปรึกษาสักคนหนึ่งเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดตามสถานการณ์เฉพาะของคุณ
นอกจากนี้ คุณควรแบ่งปันคำแนะนำเหล่านี้ให้กับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูงของคุณ และเพื่อนบ้าน เพื่อให้บุตรหลานและเพื่อนๆ ของคุณเข้าใช้อินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์ต่างๆ และจุดเชื่อมต่อไวไฟในสถานที่ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย