กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--
นายเสน่ห์ กรรณสูตร เจ้าของกรรณสูตรฟาร์ม จ.อยุธยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ต้องประสบปัญหารุมเร้าหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของราคาไข่ไก่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากภาวะวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาแพง และปัญหาพลังงานน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันอัตราการบริโภคไข่ไก่ของคนไทยยังคงน้อย เมื่อเทียบกับคนในประเทศอื่นๆ
ดังนั้น เมื่อรัฐบาลมีมติให้ความเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ไก่ไข่ พ.ศ.2551-2555 จึงนับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า ภาครัฐมองเห็นปัญหาและยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างจริงจัง อีกทั้งแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ก็เป็นแผนที่มีความเป็นไปได้สูง และเชื่อว่ายุทธศาสตร์นี้จะสามารถแก้ปัญหาราคาไข่ตกต่ำในระยะยาวได้
“ตอนนี้ รัฐบาลเหมือนกับอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์เพิ่มการบริโภคไข่ไก่ของคนไทยจาก 160 ฟอง เป็น 200 ฟอง/คน/ปี ภายในปี 2555 นั้น นับเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะเมื่อเทียบกับคนในประเทศอื่นๆ แล้วคนไทยยังบริโภคไข่ไก่น้อยอยู่มาก เช่น คนญี่ปุ่นบริโภคไข่ไก่ 350 ฟอง/คน/ปี คนฮ่องกงบริโภค 210 ฟอง/คน/ปี คนมาเลเซีย บริโภค 230-240 ฟอง/คน/ปี และคนสิงคโปร์ บริโภค 270-280 ฟอง/คน/ปี เป็นต้น” นายเสน่ห์กล่าวและว่าไข่ไก่เป็นอาหารโปรตีนที่ดีที่สุด และราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารโปรตีนชนิดอื่น ที่สำคัญ...ไข่ไก่เป็นผลผลิตที่ผลิตได้ในประเทศอย่างพอเพียง
ด้านนายเกษม ศรมยุรา เจ้าของเกษมชัยฟาร์ม จ.นครปฐม ซึ่งเห็นด้วยอย่างยิ่งกับยุทธศาสตร์ไก่ไข่ฉบับนี้ โดยกล่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาฟาร์มไก่ไข่ของประเทศไทยให้อยู่ในระดับมาตรฐาน ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงคุณภาพของไข่ไก่ที่ผู้ซื้อจะนำไปบริโภค เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างเป็นรูปธรรม
“แผนนี้ไม่เพียงแต่เป็นแผนช่วยบรรเทาปัญหาให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่เท่านั้น แต่ยังเป็นแผนที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้บริโภคไข่ไก่ที่สด สะอาด ปลอดภัย สบายใจได้ทุกครั้งที่ซื้อไข่ไก่จากทุกๆฟาร์มของไทย” นายเกษมกล่าว