กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--กิมเอ็ง
เอสพละนาด : กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ส่งท้ายปลายปี จัดเสวนา “หมีป่วน หรือกระทิงดุ จับตาทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นหลังเลือกตั้ง” แนะกลยุทธ์นักลงทุนเตรียมลุยตลาดหุ้นปีหน้า
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายฐานนักลงทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องการสร้างนักลงทุนกลุ่มใหม่ขึ้นในตลาด บริษัทฯ จึงได้ร่วมกับโครงการ SET VISIT ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดโครงการ Training 4 U ขึ้นเพื่อสร้างฐานนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในด้านความรู้เรื่องการลงทุน โดยตั้งแต่ต้นปีบริษัทฯ ได้จัดบรรยายเรื่อง “ Nano CFA : นักลงทุนรุ่นใหม่สไตล์สถาบัน” มาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 8 ครั้ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และสำหรับครั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนสถานที่ลานกิจกรรมห้องสมุดมารวย ศูนย์การค้าเอสพละนาด เป็นอย่างดี อีกทั้งช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนับว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเสนอมุมมอง เพื่อให้นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือการลงทุนในตลาดหุ้นปีหน้า
บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยยังจะขยายตัวได้และมีความน่าสนใจที่จะเข้ามาลงทุน เมื่อพิจารณาค่า P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อต้นปีที่ 10 เท่า และเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 เท่า เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งไม่สูงเกินไปและยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ในขณะที่ค่า P/E ของตลาดต่างประเทศ 12 — 18 เท่า อีกทั้งปัญหาการเมืองภายในจะหมดสิ้นไปเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยถึงแม้ว่าอาจจะเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งจะส่งผลดีในแง่ช่วยกันตรวจสอบการทำงานของคณะผู้บริหารประเทศ เสถียรภาพทางการเมืองก็น่าที่จะแจ่มชัดขึ้นสะท้อนต่อจิตวิทยามวลชนเฟียร์ แฟคเตอร์ ความหวาดกลัวต่อสถานการณ์เลวร้าย ภัยระเบิด หรือเศรษฐกิจ จะหมดสิ้นไป เหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อดัชนีการบริโภคภายในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอย การลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐจะขับเคลื่อนได้ รวมทั้งโครงการเมกกะโปรเจคที่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ แต่ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นมองว่าเป็นไปตามวัฏจักรการขึ้นและลง ซึ่งในหลายๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้ริเริ่มหาพลังงานอื่นทดแทนอย่างจริงจัง อีกทั้งปัญหาซัพไพร์มในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงให้ความสำคัญติดตามอย่างใกล้ชิดแม้ว่าผลกระทบรวมทั้งการเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยน้อยมากก็ตาม
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต้นปี 51 จะอยู่ที่ 1,000 จุด และตลอดทั้งปีที่ 1,200 จุด โดยมีกลุ่มสื่อสาร พาณิชย์ ค้าปลีก และบริโภคภายใน เป็นตัวนำ รวมทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธนาคาร ที่ระยะสั้นต้องให้น้ำหนักเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากผ่านพ้นได้โอกาสสร้างผลกำไรก็มีไม่น้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาบริหารประเทศในต้นปีหน้าจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคอย่างเชี่ยวชาญและโปร่งใส ซึ่งจะเรียกความเชื่อมั่นอย่างดียิ่งต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าดัชนีจะไปได้ถึง 1,700 จุด ในอีก 3 — 5 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อรายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์มาโดยตลอด เน้นความฉับไว ทันทุกสถานการณ์ จึงได้พัฒนา KELive TV อินเทอร์เน็ตทีวี อย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง KELive บทวิเคราะห์ออนไลน์ ที่สืบค้นข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 3 ปี นับเป็นเครื่องมือการลงทุน 24 ชั่วโมงทุกสถานที่ โดยนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและ สามารถเข้ารับชมบทวิจัยผ่านทางเวปไซต์บริษัทฯ ที่ www.kimeng.co.th ” นายมนตรีกล่าวในที่สุด
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ. หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
โทร. 02-658-6300 ต่อ 5180 และ 7401 — 7402