กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--เมนสตรีม
‘แองโกล-ไทย’ ร่วมผนึกกำลัง ‘ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ (สยาม)’ ลุยตลาดรถเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรมและรถโฟล์คลิฟท์ มั่นใจศักยภาพตลาดปี 2551 ลั่นเติบโตเพิ่มขึ้น 10% แน่นอน
“แองโกล-ไทย” เจ้าตลาดรถเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรม ร่วมจับมือ “ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิส์(สยาม)” ผู้นำเข้ารถโฟล์คลิฟต์รายใหญ่ของประเทศไทย ประกาศศักดาความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการดำเนินธุรกิจมากว่า 60 ปี พร้อมเดินหน้าชูกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2551 แบบ 360 องศา ทั้งการตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคม เจาะตลาดกลุ่มรถเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรมและรถเพื่อการพาณิชย์ มั่นใจสิ้นปี 2551 สร้างรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% อย่างแน่นอน
‘แองโกล-ไทย’ ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ ‘เคียงคู่เกษตรกรไทย’ เดินหน้าแตกไลน์รถรุ่นใหม่ขนาด 80-120 แรงม้า และขนาด 50-80 แรงม้า
‘ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ (สยาม)’ เร่งพัฒนาศักยภาพรถโฟล์คลิฟท์ ขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มโรงงาน
นายเสรี กุลเอกลักษณ์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ฮัพซูน โกลบอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศสิงคโปร์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แองโกล-ไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจโดยเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มธุรกิจฮัพซูน โกลบอล กรุ๊ป โดยตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจด้านรถเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรม และเป็นผู้นำในธุรกิจรถแทรกเตอร์ขนาด 80-120 แรงม้า ซึ่งในปี 2550 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมจากกลุ่มธุรกิจรถแทรกเตอร์, เกียร์ออโตเมติก, เครื่องมือช่วยไถ และรถขุดตัก ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดกว่า 60 %
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดโดยรวมของรถแทรกเตอร์ทุกประเภทมีประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท และสามารถแบ่งประเภทออกเป็นตามขนาดแรงม้า ได้แก่ รถไถแบบเดินตามขนาด 10 แรงม้า รถแทรกเตอร์แบบนั่งขับขนาด 10-50 แรงม้า รถแทรกเตอร์ขนาดเล็ก 50-80 แรงม้า รถแทรกเตอร์ขนาดกลาง 80-120 แรงม้า และรถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่ 120 แรงม้าขึ้นไป
โดยในปี 2551 ทางบริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสานกันระหว่างตลาดภายในประเทศและต่างประเทศแบ่งสัดส่วนประมาณ 80 : 20 เพื่อให้เกิดศักยภาพด้านการบริหารและความคล่องตัวของกระแสรายได้ของบริษัทฯ ซึ่งตลาดภายในประเทศ บริษัทฯ ได้เตรียมออกไลน์สินค้าใหม่ 2 แบบ ในหมวดรถแทรคเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในการทำเกษตรกรรมของเกษตรกรไทยในแต่ละภูมิภาค โดยได้นำเข้ารถแทรคเตอร์รุ่นใหม่ ‘TL5050’ ขนาด 80-120 แรงม้า เพื่อใช้ในพื้นที่แปลงเกษตรกรรมขนาดกลาง ซึ่งสามารถเสริมอุปกรณ์เพื่อการเกษตรเพิ่มเติมได้ อาทิ เครื่องผานไถ เครื่องเก็บเกี่ยวผลิตผล เป็นต้น และภายในไตรมาสที่ 2-3 ของปี 2551 คาดว่าจะสามารถแตกไลน์สินค้าใหม่เพิ่มเติมขนาด 50-80 แรงม้า เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีพื้นที่ในการทำเกษตรกรรมขนาดเล็ก
สำหรับตลาดต่างประเทศ ในปัจจุบันบริษัทฯ ได้ส่งออกรถแทรคเตอร์ขนาด 80-120 แรงม้า ผ่านช่องทางเครือค่ายของกลุ่มบริษัท ฮัพซูน โกลบอล กรุ๊ป ที่มีฐานการผลิตและช่องทางจำหน่ายอยู่ในแต่ละประเทศของภูมิภาคนี้ โดยได้ส่งออกไปยังประเทศลาวและกัมพูชา และในปี 2551 จะขยายตลาดไปยังประเทศพม่าและเวียดนาม เพื่อให้ครอบคลุมประเทศในภูมิภาคอินโด-ไชน่าทั้งหมด ซึ่งจากการดำเนินกลยุทธ์ทั้งหมดจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัทฯ ได้ประมาณร้อยละ 20 อย่างแน่นนอน
ทางด้านมร. เฮง โค้ว มุ่ย เฮนรี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ (สยาม) จำกัด (มหาชน) อีกหนึ่งบริษัทในเครือธุรกิจฮัพซูน โกลบอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ ‘รถโฟล์คลิฟท์’ ภายใต้แบรนด์ ‘มิตซูบิชิ’, เครื่องมืออุปกรณ์ซ่อมยานยนต์ และธุรกิจเกี่ยวกับชิ้นส่วนและบริการยานยนต์ โดยในปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจรถเพื่อการพาณิชย์ ‘รถโฟล์คลิฟท์’ บริษัทฯ มีสัดส่วนการครองตลาดประมาณ 1 ใน 5 ของมูลค่าตลาดทั้งหมดประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยในปี 2551 ได้เตรียมเร่งพัฒนาศักยภาพ ประสิทธิภาพของรถโฟล์คลิฟท์พร้อมทั้งนำเข้ารถในรุ่นใหม่ๆ อีกทั้งได้เตรียมขยายฐานลูกค้าในกลุ่มของผู้ดำเนินการผลิตสินค้าเพื่อการพาณิชย์ ลูกค้าในกลุ่มโกดังเก็บสินค้า โรงงาน บริษัทในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอัตราการขยายตัว เนื่องจากสภาพคล่องตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าสิ้นปี 2551 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8-10% และได้ตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปี จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทยอย่างแน่นอน
นายเสรีกล่าวเสริมต่อไปว่า นอกจากการดำเนินกิจกรรมการตลาดตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทฯ ยังได้ ร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ประมาณ 1-2% จากรายได้บริษัทฯ ดำเนินโครงการ Anglo-Thai & UMW (Siam) ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 4 ภาค เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทยทั้งบนพื้นดินและพื้นน้ำให้มากขึ้น พร้อมทั้งสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้และรักษาสมดุลธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคี และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทฯ หน่วยงานรัฐบาลและเอกชนส่วนท้องถิ่น ในการสร้างสมดุลของระบบนิเวศของป่าชายเลน และพื้นที่ป่าของประเทศไทย อีกทั้งช่วยสนับสนุนและปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทั้งป่าชายเลนและพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งได้กำหนดพื้นที่ดำเนินการปลูกป่าครอบคลุมทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย ได้แก่ พื้นที่ภาคกลาง บริเวณพื้นที่ป่าชายเลน ตำบลบ้านคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และพื้นที่ที่กำลังดำเนินการสำรวจ อาทิ ภาคเหนือในบริเณศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ ตำบลป่าเมียง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณศูนย์ศึกษาพัฒนาภูพาน บ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร และภาคใต้ของเขตพื้นที่พัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง โครงการวิจัยและพัฒนา พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ตำบลไทยบุรี อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยใช้ระยะเลาในการดำเนินโครงการทั้งหมดตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2551
จากการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 60 ปีของทั้ง 2 บริษัทฯ ที่ผ่านมา จะเป็นสิ่งยืนยันถึงศักยภาพ ประสิทธิภาพของบริษัทและสินค้า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการดำเนินการธุรกิจของรถเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรมและรถเพื่อการพาณิชย์ของประเทศไทยในก้าวไกล พร้อมทั้งการพัฒนาธุรกิจอย่างไม่มีหยุดหยั้งของทั้ง 2 บริษัทฯ ต่อไปในอนาคต
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : บริษัท เมนสตรีม จำกัด
คุณประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216, มือถือ 081-586-2813 หรือ
คุณพรทิพย์ วิริยะกิจพัฒนา (บี) โทร. 02-204-8210, มือถือ 086-813-1981