กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์
บริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน จำกัด ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ได้รับความไว้วางใจจาก เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (ซีเอ็มจี) ผู้นำทางด้านการตลาดและการบริหารแบรนด์สินค้า โดยแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารจัดการคลังสินค้า ซึ่งจัดเก็บสินค้ามากกว่า 500,000 ชิ้น จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมายถึง 42 แบรนด์ อาทิ คาลวิน ไคลน์ คาสิโอ คลาแรงส์ ลี ท็อปช็อป แรงเลอร์ และอีกมากมาย
มร. เควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย (ไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์) กล่าวว่า "นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ผู้นำในตลาดธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทย ให้การยอมรับในความเชี่ยวชาญของดีเอชแอลและไว้วางใจให้เรานำโซลูชั่นด้านการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ผสมผสานนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนากระบวนการซัพพลายเชนของลูกค้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เราไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงแค่ผู้ให้บริการเท่านั้น แต่เรายังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของลูกค้าอีกด้วย เราทำงานร่วมกับซีเอ็มจีเพื่อออกแบบโซลูชั่นที่ดีที่สุด โดยพิจารณาจากความต้องการและลักษณะเฉพาะของธุรกิจของลูกค้า เพื่อที่เราจะสามารถส่งมอบบริการที่จะช่วยให้ซีเอ็มจีบรรลุถึงเป้าหมายทางธุรกิจได้ เพราะโอกาสในการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาพัฒนาการทำงานมีอยู่เสมอ เราจึงกำลังพิจารณาถึงแผนพัฒนาอื่นๆที่มีความเป็นไปได้ในอนาคต อาทิ การใช้คลังสินค้าที่มีระบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติการ อีกทั้งยังรองรับการเติบโตทางธุรกิจของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย"
ายใต้การร่วมมือครั้งนี้ ดีเอชแอลได้รับมอบหมายในการบริหารจัดการคลังสินค้า ณ ศูนย์กระจายสินค้าของซีเอ็มจีที่มีพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม. โดยเราจะนำเทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ มาใช้งานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุน อาทิ ริงสแกนเนอร์ หรือ เครื่องสแกนสินค้าแบบสวมนิ้ว ที่ใช้ระบบบลูทูธ น้ำหนักเบา สามารถสแกนบาร์โค้ดได้อย่างรวดเร็วและช่วยให้พนักงานใช้ทั้งสองมือทำงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกันได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องถือเครื่องแสกน รวมไปถึง WMOS (Warehouse Management Operating System) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการบริหารระบบคลังสินค้า ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะเข้ามาช่วยพัฒนาการจัดการคลังสินค้าในแง่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความถูกต้องในการหยิบสินค้า (Stock Picking Accuracy) รวมไปถึง การส่งตรงตามเวลา (On-time Shipment)
แพลตฟอร์ม WMOS จะช่วยให้ดีเอชแอล ซัพพลายเชน สามารถนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเรื่องการทำงานแบบลีนโลจิสติกส์ (Lean Logistics) มาใช้กับการบริหารคลังสินค้าและการกระจายสินค้าของซีเอ็มจี เพื่อสร้างมาตรฐานการทำงานและคุณภาพการบริการให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล
ด้วยทำเลที่ตั้งของศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและยังเชื่อมต่อกับถนนหลายสายเพื่อเข้าสู่กรุงเทพฯและชลบุรีได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยให้เราสามารถบริหารกระบวนการซัพพลายเชนให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรีปราง อู่นนทกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า "ความสามารถในการบริหารกระบวนการซัพพลายเชนให้ได้ตามเป้าหมาย ถือว่ามีความสำคัญอย่างมหาศาลต่อธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ดังนั้น เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับดีเอชแอล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ยาวนาน มาช่วยยกระดับคุณภาพการจัดการคลังสินค้าของเรา ซีเอ็มจีรู้สึกประทับใจในบริการที่เราได้รับเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่วันที่ดีเอชแอลเริ่มต้นปฏิบัติการอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และหวังว่าจะได้ร่วมมือกันคิดค้นแนวทางเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางธุรกิจในด้านอื่นๆในอนาคต"
ดีเอชแอล – ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก
ดีเอชแอล คือผู้นำระดับโลกทางด้านอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ มอบบริการและความเป็นเลิศด้านลอจิสติกส์ทั้งการขนส่งสินค้าภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งสินค้าอี-คอมเมิร์ซและโซลูชั่นครบวงจร การขนส่งด่วนทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม ด้วยบุคลากรกว่า 360,000 คนใน 220 ประเทศทั่วโลก ดีเอชแอลเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจด้วยบริการที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นด้านลอจิสติกส์ที่สร้างความเติบโตให้กับตลาดและภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั้งธุรกิจด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ชีวภาพและบริการทางการแพทย์ พลังงาน รถยนต์และธุรกิจค้าปลีก รวมถึงความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสังคมและการขยายการดำเนินงานสู่ตลาดที่กำลังพัฒนา ดีเอชแอลจึงมั่นใจว่า เราคือ "ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระดับโลก" ที่แท้จริง
ดีเอชแอล เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้มากกว่า 60,000 ล้านยูโรในปี ค.ศ. 2017