กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--อินสไปร์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 นำโดย นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รายงานผลประกอบการที่เติบโตขึ้นตามลำดับโดยเตรียมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นบางกอกแลนด์ในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท หรือเพิ่มขึ้นเป็น 12.5 % จากปี 2560 โดยเงินปันผลส่วนที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรนี้จะนำเสนอต่อท่านผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 46 ในวันนี้ และถึงแม้ว่าภาวะทางเศรษฐกิจทั่วโลกยังเกิดภาวะการหดตัวอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยในหลายภาคธุรกิจยังคงชะลอตัว แต่ด้วยความมุ่งมั่น และความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ บีแลนด์จึงมั่นใจว่าจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรงต่อไปอย่างแน่นอน
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "จากปีที่ผ่านมา บริษัทได้ตัดหุ้นจดทะเบียนซึ่งเกิดจากการซื้อคืนและยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ภายใต้โครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 2,066,246.471 หุ้น เป็นผลให้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 10.7 % หรือคิดเป็น 0.25 บาทต่อหุ้น และผมมีข่าวดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ "อิมแพ็คโกรท" ซึ่งถือโดย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ที่ได้ลงทุนไว้จำนวน 741,250,000 หน่วย ราคาต้นทุนหน่วยละ 10.60 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 7,857 ล้านบาท ราคาปิดต่อหน่วย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 เป็น 16.30 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 53.8 % นอกจากนี้ บีแลนด์ยังได้ทำการขายที่ดินเพิ่มเติมให้กับบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันจำนวนรวมทั้งสิ้น 14,262 ล้านบาท บริษัทได้โอนที่ดินไปแล้วรวม 9,056 ล้านบาท คงเหลือที่ดินที่รอการโอนอีกเป็นจำนวน 5,206 ล้าน บาท
ผลประกอบการ ในปีสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 กลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจในงบการเงินรวมจำนวน 1,116 ล้านบาท กำไรสุทธิหลังหักรายการพิเศษและภาษีเป็นจำนวน 1,231 ล้านบาท"
ฐานะการเงินของกลุ่มบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแรง ดังมีรายละเอียดยืนยันดังนี้
- มูลค่าสินทรัพย์สุทธิหลังปรับปรุงเพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 51,047 ล้านบาท (ปี 2560 - 50,979 ล้านบาท)
- มูลค่าสินทรัพย์สุทธิหลังปรับปรุงต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 11.3% เป็น 2.75 บาทต่อหุ้น (ปี 2560 - 2.47 บาทต่อหุ้น)
- กำไรสุทธิในส่วนของบริษัทใหญ่ลดลง 33.5% เป็น 1,231 ล้านบาท (ปี 2560 - 1,850 ล้านบาท)
- กำไรต่อหุ้นลดลง 32.0% เป็น 0.066 บาท (ปี 2560 - 0.097 บาทต่อหุ้น)
- สินทรัพย์รวมลดลง 0.1% เป็น 65,675 ล้านบาท (ปี 2560 - 65,773 ล้านบาท)
- ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 0.5% เป็น 48,160 ล้านบาท (ปี 2560 - 48,394 ล้านบาท)
จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำการพัฒนาอาคารสำนักงานคอสโมในเมืองทองธานีซึ่งมีขนาดพื้นที่เช่า 58,530 ตารางเมตร ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และประสบความสำเร็จโดยมีผู้มาเช่าเพื่อเป็นสำนักงานและร้านค้าต่าง ๆ มากมาย
ศูนย์การค้าคอสโมพลาซา ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารสำนักงานคอสโมได้เปิดให้บริการแล้วเช่นกัน มีร้านค้าหลากหลายชนิด ทั้งร้านอาหาร และร้านค้าปลีก ทั้งนี้เพื่อให้บริการแก่พนักงานในอาคารสำนักงาน ผู้พักอาศัย และรวมทั้งผู้ที่เข้ามาติดต่อที่ศูนย์ฯ จากผลสำเร็จในการพัฒนาเฟสที่ 1 แล้วนั้น ปัจจุบัน บริษัทได้ขยายการพัฒนาเฟสที่ 2 ซึ่งจะนำซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ โรงภาพยนตร์จำนวน 5 โรง ร้านค้าปลีกรวมทั้งภัตตาคารอีกมากมายมาบริการ บริษัทคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสแรกของปี 2562
นอกจากนี้ บริษัทยังคงแสวงหาโอกาสต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยถาพในการดึงดูดผู้คนให้กับธุรกิจศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม (MICE) ซึ่งรวมไปถึง สวนน้ำขนาดใหญ่ที่จะสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยวของศูนย์ฯ และประชาชนทั่วไปด้วยเช่นกัน"
"จากสภาวะความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน ผมยังคาดว่าในปีต่อจากนี้ไปเศรษฐกิจของไทยจะยังประสบภาวะยากลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทปลอดภาระหนี้สินใด ๆ และมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ประกอบกับบริษัทดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้บางกอกแลนด์สามารถยืนหยัดอยู่ได้แม้จะเผชิญกับแรงกดดันและสิ่งท้าทายต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ในปีถัดไป บริษัทจะยังคงสานต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างฐานะของบริษัทให้มั่นคงต่อไป รวมทั้งจะดำเนินการโครงการต่าง ๆ ให้เสร็จสมบูรณ์ และจะติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีที่สุดในการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทต่อไป" นายอนันต์ กล่าวสรุป